ความเดิมตอนที่แล้ว
วีรนุชเหงื่อชุ่มมือที่กำใจสั่นหวิว กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เงยหน้ามองไปทางชายหนุ่มที่ยืนไม่ห่างจากศิลาสายตาเหมือนจะถาม แต่ก็ไร้สรรพเสียงใดลอดออกไป
ใครที่ไหนเขาจะเชื่อหากเล่าไปว่าในห้องปรับอากาศแบบนี้ลมจะเข้ามาได้ทางไหน?
วิมมีใบหน้าเคร่งขรึมสายตามองไปที่สี่สาวทีละคนเหมือนจะถาม.
“ลมมาจากไหน?
ตลอดช่วงปิดเทอมพวกหล่อนยุ่งอยู่แต่กับเรื่องวิญญาณและหาข้อมูลของนิลนาถจนเหลือเวลาอีกแค่วันเดียวโรงเรียนจะเปิด
คืนนั้น ท่ามกลางความมืด แสงอ่อนๆ ของดวงจันทร์ทำให้เกิดเงาสะท้อนจากต้นไม้ ที่อยู่บริเวณนั้นจนทั่วถึง นานๆครั้งจะได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรขึ้นมา สักพักมันก็เงียบไปความวิเวกวังเวงก็เข้ามาแทนที่
ครืดดด...
เสียงลากเก้าอี้ !
ใคร?
มือไม้สั่นขึ้นมาทันทีแต่ความกลัวและอยากรู้ อยากเห็นจึงทำให้มือเอื้อมกดสวิสไฟอย่างเร็วจนนาฬิกาปลุกตกลงมานอนเค้เก้กับพื้นเสียงดั่งสนั่น
พรึ่บบบ..
กริ๊งงงงง..
สายตามองไปรอบๆห้องอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไร หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบนาฬิกาขึ้นมาพาเดินไปนั่งบนเตียง
“วี..ทำอะไรอยู่น่ะลูก?ดึกแล้วนะ เขาห้ามลากเก้าอี้ในตอนกลางคืน”เสียงมารดาเอ่ยถามมาจากห้องข้างๆ
เท่านั้น วีรนุชมือไม้อ่อน สั่นระริก รีบแกะถ่านออกจากเครื่องเพื่อระงับเสียงหล่อนแกะผิดแกะถูก เหวี่ยงถ่านลงบนที่นอน ดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง หัวใจเต้นโครมคราม มือค่อยๆ แง้มผ้ามองไปรอบๆห้องอีกครั้ง ประสาทตึงเครียด
จนเช้า
วันเปิดเทอม
วีรนุชอาบน้ำแต่เช้า และลงมารอ รถด้านล่าง เปิดเทอมวันนี้หล่อนตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน อยากเจอเพื่อนๆ อยากเล่าอะไรให้เพื่อนฟังเยอะแยะ จนรถมาจอดหน้าบ้าน
“คุณแม่ หนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”ยกมือไหว้มารดาอย่างเร็วแล้วเดินไปขึ้นรถ
เมื่อมาถึง เพื่อนๆ มากันแต่เช้า และจับกลุ่มคุยกันหล่อนมองหารตาและปภาวดีในห้องไม่เห็น ควานมือหยิบกระเป๋าเงินใบน้อยขึ้นมาเตรียมจะเดินออกจากโต๊ะ
ตึกกก
“วี แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว..บ้านศิลา บ้านของศิลา”รตาเอามือแตะหน้าอกเอาไว้กลืนน้ำลายที่มาจุกคอหอยให้ลงไปแต่ไร้ผล ใบหน้าซีดเผือด จนหล่อนตกใจ
“อะไร มีอะไรเกิดขึ้นเหรอวดี? ”วีรนุชหันไปถามหัวหน้าห้องมือหล่อนก็ลูบหลังลูบไหล่เพื่อนเบาๆ
“ฮื่อ..! เมื่อคืนน่ะเกิดไฟไหม้ขึ้นที่บ้านของศิลาโดยไร้สาเหตุ แต่โชคดีที่ดับทันตัวของศิลานั้นวิ่งลงบันไดด้วยความตกใจ เกิดพลาดตกลงมาขาหักตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล พี่วิมเพื่อนของพี่มณีมาบอกด้วยว่าฟิล์มที่เราถ่ายนั้นไหม้หมดเลยล่ะ”วดีเล่ายาว
วีรนุชอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ยถามออกมา “ว่าไงนะ!ฟะ ไฟไหม้เหรอ? ”
วันนั้นทั้งวัน ทุกคนเรียนไม่รู้เรื่อง แต่โชคดีที่เพิ่งเปิดเทอมวันแรกชั่วโมงเรียนจึงไม่หนัก
ปภาวดีเข้ามากระซิบบอกเอาไว้หลังมื้อเที่ยงว่า ตอนเย็นเราทั้งสามจะไปเยี่ยมศิลาที่โรงพยาบาล
พอเริ่มเข้าชั่วโมงที่หก วีรนุชก็ใจคอไม่ดีเหมือนเคย
*โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ*
ก้มกราบบ่อยๆ จะช่วยลดความทระนงลงได้บ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น