“หยู๊ดดดดดดดดด อย่าคิดอกุศลพี่เมฉันยังมีสติดีอยู่” เออ เอาก่ะมันสิ ฉันอ้าปากเรียกชื่อมันยังไม่ได้เลยมันรีบห้ามอุตลุดล่ะ
“นี่ๆ ไอ้ตี๋ จะมากไปแร่ะ แกแดดนักนี่แน่ะ”ฉันใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากมันแรงๆ จนหน้ามันหงาย
“5555 พี่เมล่ะก้อ ฉันล้อเล่น เออพี่เม เอาล่ะนะที่นี้ ฉันจะเริ่มบอกล่ะนะ ตั้งใจฟังดีๆ ล่ะ”มันหันซ้ายหันขวา
“อืม..ว่ามา ข้ากำลังฟัง”
“พี่รู้ไหม ลุงอรุณกำลังข้ามฟากไปอีกฝั่งแต่โดนรถสิบล้อชน หัวเละเลย ตายคาที่...”มันกระซิบกระซาบฟังไม่ได้สรรพ
"ไอ้ตี๋ อย่าเสือกกระซิบเลย พูดดังๆ ฉันไม่ได้ยิน นอกจากลมหายใจเอ็งนี่น่ะ"
“พี่รู้ไหม ลุงอรุณกำลังข้ามฟากไปอีกฝั่งแต่โดนรถสิบล้อชน หัวเละเลย ตายคาที่...”หัวคิ้วฉันย่นเข้าหากันอย่างไม่อยากเชื่อ
“ห๊า..ใครบอกเอ็ง ไอ้ตี๋...อย่าพูดชุ่ยๆนะโว๊ยไม่ใช่เรื่องจะเอามาล้อเล่นได้ มันลางไม่ดี ไอ้นี่เดี๋ยวโดน เดี๋ยว”ปากฉันก็พูดไปงั้นแหละเอาเข้าจริงๆ แค่เห็นหน้าเจี่ยมเจี้ยมนั้นแล้วก็ทำไม่ลงหรอก
“พี่เม..แต่ลุงแกโดนรถชนหัวเละนะเห็นพี่แววบอกว่า “แกตายโหง” คนตายโหงส่วนมากจะกลับบ้านทันทีนะพี่ป้าเจียมน่ะเป็นลมยังไม่ฟื้นเลย นี่ก็จะหกโมงแล้ว แล้วพี่ดูตะวันสิ สีมันเหมือนเลือดเชียว”มันหันซ้ายแลขวาเลิ่กลั่กจับแขนฉันแน่น“เขาเรียกแดดผีตากผ้าอ้อมนร้า...”พูดแค่นั้นมันหันหลังอิงฉันไว้แล้วเอามือฉันไปพาดบ่าเล็กๆแต่ยึดไว้แน่น
กา กา...
เสียงอีการ้องแหวกอากาศมาอย่างน่าสะพรึงทีเดียว
ไอ้ตี๋เล่าไปพลางชี้มือชี้ไม้ให้ฉันมองแดดที่มันบอกว่าสีแดงๆส้มๆ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ผีตากผ้าอ้อม”ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
ฉันมองไปรอบๆ ก็จริงตามที่มันบอกแหละบรรยากาศตอนนี้วังเวงจริงๆ ยิ่งมีการตายเกิดขึ้นยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงให้เด็กในแถบนั้นมากขึ้น
ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงต่างกลับจากงาน โรงสีเงียบเหมือนว่าร้างคนอยู่มานานแรมเดือน ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังแผดเสียงดังคับทุ่งอยู่เลย ฉันเห็นและได้ยินคนผ่านไปมาพูดกันปากต่อปากว่า จะไปดูที่เกิดเหตุหน่อยใครจะไปให้มาเจอกันที่ท่าเรือบ้านพี่ชายฉัน พวกเขาคงจะเหมากันไปนั่นแหล่ะ คาดว่านะ
โอ้ย ! ป่านนี้แล้วแม่กับพี่สาวทำไมเดินช้าจังเลยนะฉันมองไอ้ตี๋ ใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่อยากคิดถึงตอนขึ้นไปเอาผ้าถุงเลย เหตุเพราะต้องผ่านเสาที่กลางบ้านตรงหัวเตียงของแม่เสาต้นนั้นมักจะมีน้ำมันไหลออกมาตอนกลางคืนตลอดเวลา หากแม่หรือพี่สาวไม่อยู่ฉันจะไม่อยู่บนบ้านเด็ดขาด
“ตี๋ แกอย่าเพิ่งไปไหนนะพี่ขึ้นไปเอาผ้าถุงกับขันสบู่ก่อน เดี๋ยวเราไปอาบน้ำกัน รอพี่แป็บนะ”ฉันสัมทับมันด้วยน้ำเสียงแข็งขันต้องไว้เชิงหน่อย เดี๋ยวได้ไปโพทนาทั่วหมู่บ้าน อายเขาตายเลยเจ้านี่ยิ่งลำโพงแตกอยู่ด้วย
“ได้สิพี่ฉันก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้หรอก”มันยิ้มเจื่อนๆ ฉันก็ไม่เซ้าซี้รีบวิ่งขึ้นข้างบนก่อน
บนบ้านฉันเมื่อโพล้เพล้หน่อย ก็มืดสนิทยิ่งหน้าต่างไม่ได้เปิดนะ อย่าให้พูดเลย มันวังเวง...
มือที่หยิบกล่องกั๊กไม้ขีดพยายามจะไม่ให้สั่นเพราะหากสั่นเวลาเปิดมันจะแย่งกันวิ่งออกมากระจายบนพื้นบ้านยิ่งชักช้าไปใหญ่แถมเวลาขีดไฟลุกจ่อไปที่ตะเกียงมันดับทุกครั้ง
“ตี๋ แม่กับพ่อแกไปไหนล่ะ”
ฉันร้องตะโกนถามเพื่อคุยกับมันดับความกลัวไปในตัว เมื่อก้มลงนั่งใกล้ๆ เสา มือค่อยๆเอื้อมไปจับตะเกียงที่วางข้างๆ เพื่อจัดการจุดให้ความสว่างช่วยคลายความกลัวลง อย่าว่าแต่นั่งเลยแค่ผ่านไป-มาเฉยๆ ฉันก็ขนลุกตลอดเวลาได้ มันแปลกๆ เหมือนมีใครแอบมองอย่างนั้นแหละ
วูบ...
ลม..? มันมาทางไหน?ขีดพอติดต่อไส้ที่ดันมันขึ้นมาจนยาวแล้ว ยังไม่ติด
ให้ตายเหอะ แม่เจ้าประคุณรุนช่องทำไมมันเหมือนจะแกล้งกันอย่างนี้....รีบยกมือกางตบหน้าอกเบาๆสงบอารมณ์ที่เริ่มฟุ้งซ่าน
“ไอ้ตี๋..”
ปากก็ร้องเรียกลูกน้องคนสนิทเติมขวัญกำลังใจไว้...เออหนอ นังเม...
*******************
“นี่ๆ ไอ้ตี๋ จะมากไปแร่ะ แกแดดนักนี่แน่ะ”ฉันใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากมันแรงๆ จนหน้ามันหงาย
“5555 พี่เมล่ะก้อ ฉันล้อเล่น เออพี่เม เอาล่ะนะที่นี้ ฉันจะเริ่มบอกล่ะนะ ตั้งใจฟังดีๆ ล่ะ”มันหันซ้ายหันขวา
“อืม..ว่ามา ข้ากำลังฟัง”
“พี่รู้ไหม ลุงอรุณกำลังข้ามฟากไปอีกฝั่งแต่โดนรถสิบล้อชน หัวเละเลย ตายคาที่...”มันกระซิบกระซาบฟังไม่ได้สรรพ
"ไอ้ตี๋ อย่าเสือกกระซิบเลย พูดดังๆ ฉันไม่ได้ยิน นอกจากลมหายใจเอ็งนี่น่ะ"
“พี่รู้ไหม ลุงอรุณกำลังข้ามฟากไปอีกฝั่งแต่โดนรถสิบล้อชน หัวเละเลย ตายคาที่...”หัวคิ้วฉันย่นเข้าหากันอย่างไม่อยากเชื่อ
“ห๊า..ใครบอกเอ็ง ไอ้ตี๋...อย่าพูดชุ่ยๆนะโว๊ยไม่ใช่เรื่องจะเอามาล้อเล่นได้ มันลางไม่ดี ไอ้นี่เดี๋ยวโดน เดี๋ยว”ปากฉันก็พูดไปงั้นแหละเอาเข้าจริงๆ แค่เห็นหน้าเจี่ยมเจี้ยมนั้นแล้วก็ทำไม่ลงหรอก
“พี่เม..แต่ลุงแกโดนรถชนหัวเละนะเห็นพี่แววบอกว่า “แกตายโหง” คนตายโหงส่วนมากจะกลับบ้านทันทีนะพี่ป้าเจียมน่ะเป็นลมยังไม่ฟื้นเลย นี่ก็จะหกโมงแล้ว แล้วพี่ดูตะวันสิ สีมันเหมือนเลือดเชียว”มันหันซ้ายแลขวาเลิ่กลั่กจับแขนฉันแน่น“เขาเรียกแดดผีตากผ้าอ้อมนร้า...”พูดแค่นั้นมันหันหลังอิงฉันไว้แล้วเอามือฉันไปพาดบ่าเล็กๆแต่ยึดไว้แน่น
กา กา...
เสียงอีการ้องแหวกอากาศมาอย่างน่าสะพรึงทีเดียว
ไอ้ตี๋เล่าไปพลางชี้มือชี้ไม้ให้ฉันมองแดดที่มันบอกว่าสีแดงๆส้มๆ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ผีตากผ้าอ้อม”ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
ฉันมองไปรอบๆ ก็จริงตามที่มันบอกแหละบรรยากาศตอนนี้วังเวงจริงๆ ยิ่งมีการตายเกิดขึ้นยิ่งเพิ่มความหวาดระแวงให้เด็กในแถบนั้นมากขึ้น
ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงต่างกลับจากงาน โรงสีเงียบเหมือนว่าร้างคนอยู่มานานแรมเดือน ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ายังแผดเสียงดังคับทุ่งอยู่เลย ฉันเห็นและได้ยินคนผ่านไปมาพูดกันปากต่อปากว่า จะไปดูที่เกิดเหตุหน่อยใครจะไปให้มาเจอกันที่ท่าเรือบ้านพี่ชายฉัน พวกเขาคงจะเหมากันไปนั่นแหล่ะ คาดว่านะ
โอ้ย ! ป่านนี้แล้วแม่กับพี่สาวทำไมเดินช้าจังเลยนะฉันมองไอ้ตี๋ ใจก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่อยากคิดถึงตอนขึ้นไปเอาผ้าถุงเลย เหตุเพราะต้องผ่านเสาที่กลางบ้านตรงหัวเตียงของแม่เสาต้นนั้นมักจะมีน้ำมันไหลออกมาตอนกลางคืนตลอดเวลา หากแม่หรือพี่สาวไม่อยู่ฉันจะไม่อยู่บนบ้านเด็ดขาด
“ตี๋ แกอย่าเพิ่งไปไหนนะพี่ขึ้นไปเอาผ้าถุงกับขันสบู่ก่อน เดี๋ยวเราไปอาบน้ำกัน รอพี่แป็บนะ”ฉันสัมทับมันด้วยน้ำเสียงแข็งขันต้องไว้เชิงหน่อย เดี๋ยวได้ไปโพทนาทั่วหมู่บ้าน อายเขาตายเลยเจ้านี่ยิ่งลำโพงแตกอยู่ด้วย
“ได้สิพี่ฉันก็ยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้หรอก”มันยิ้มเจื่อนๆ ฉันก็ไม่เซ้าซี้รีบวิ่งขึ้นข้างบนก่อน
บนบ้านฉันเมื่อโพล้เพล้หน่อย ก็มืดสนิทยิ่งหน้าต่างไม่ได้เปิดนะ อย่าให้พูดเลย มันวังเวง...
มือที่หยิบกล่องกั๊กไม้ขีดพยายามจะไม่ให้สั่นเพราะหากสั่นเวลาเปิดมันจะแย่งกันวิ่งออกมากระจายบนพื้นบ้านยิ่งชักช้าไปใหญ่แถมเวลาขีดไฟลุกจ่อไปที่ตะเกียงมันดับทุกครั้ง
“ตี๋ แม่กับพ่อแกไปไหนล่ะ”
ฉันร้องตะโกนถามเพื่อคุยกับมันดับความกลัวไปในตัว เมื่อก้มลงนั่งใกล้ๆ เสา มือค่อยๆเอื้อมไปจับตะเกียงที่วางข้างๆ เพื่อจัดการจุดให้ความสว่างช่วยคลายความกลัวลง อย่าว่าแต่นั่งเลยแค่ผ่านไป-มาเฉยๆ ฉันก็ขนลุกตลอดเวลาได้ มันแปลกๆ เหมือนมีใครแอบมองอย่างนั้นแหละ
วูบ...
ลม..? มันมาทางไหน?ขีดพอติดต่อไส้ที่ดันมันขึ้นมาจนยาวแล้ว ยังไม่ติด
ให้ตายเหอะ แม่เจ้าประคุณรุนช่องทำไมมันเหมือนจะแกล้งกันอย่างนี้....รีบยกมือกางตบหน้าอกเบาๆสงบอารมณ์ที่เริ่มฟุ้งซ่าน
“ไอ้ตี๋..”
ปากก็ร้องเรียกลูกน้องคนสนิทเติมขวัญกำลังใจไว้...เออหนอ นังเม...
*******************
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ก้มกราบบ่อยๆจะช่วยลดความทระนงลงได้บ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น