Translate

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

เหมือนฝัน (วันวัยเยาว์) 3


“ตี๋เงียบทำไมวะ พี่ถามว่าพ่อกับแม่แกไปไหน”

รีบร้องตะโกนหาเพื่อนก่อนหากเป็นวันอื่น ป่านนี้ฉันคงยังไม่กลับมาก่อนหรอกคงอยู่เดินรั้งท้ายแม่กับพี่ดีกว่า

“อ้อแม่กับพ่อไปส่งติ่งบ้านปู่น่ะสิ เห็นว่าเย็นๆจะกลับ ป่านนี้แล้วยังไม่มา ไม่ห่วงฉันเลย รู้อย่างนี้ฉันลาครูไปด้วยก็ดี”

เสียงไอ้ตี๋บ่นกระปอดกระแปดอยู่นอกชานเท่านี้ฉันก็อุ่นใจแล้ว ฉันเริ่มตั้งสมาธิใหม่ หยิบกั๊กไม้ขีดขึ้นมาเงยหน้าหลับตาแล้วถอนหายใจ ตรงหัวเตียงแม่มีหิ้งพระ รูปคุณปู่และบรรพบุรุษเพียบยาวเป็นแถว แต่ละภาพเหมือนจะจ้องมาที่ฉัน ใจที่สงบเริ่มเต้นเป็นกลองรัวอีกครั้งจนแทบอยากจะร้องไห้  เวลาแม่ใช้ให้ไปหยิบเซี่ยนหมากแถวนั้นสีหน้าฉันจะยุ่งด้วยความตื่นตะหนก พอแม่เห็นก็จะปลอบว่า

“จะกลัวอะไรนักหนานั่นน่ะไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ปู่กับย่าและพ่อเมทั้งนั้น ทุกคนเค้ารักเมจะตายไป เร็วๆไปหยิบเชี่ยนหมาก”สรุปจบไล่ไปหยิบ สำหรับฉัน บริเวณนี้น่ากลัวมาก

“เพราะรักหรือแม่ทุกคนจึงมาให้เห็นบ่อยๆ แบบนั้นน่ะ”ฉันยังเดินบ่นไป และคิดว่าน่าจะได้ยินคนเดียวแต่เปล่าหรอก พี่สาวฉันนั้นหูผึ่งเลย (ฉันก็เสือกดีดันหันไปเห็นดวงตาเบิกโพลงแบบคนอยากรู้ของพี่เข้า เดี๋ยวมีการซักเกิดขึ้นแน่)ในตอนนั้นฉันคิด

หึย..ไม่เอาไม่คิด รีบสลัดหัวแรงๆ  “นะโม ตัสสะภะคะวะโต...” ฉันนั่งท่องในใจจนสงบ

คราวนี้ฉันตั้งใจกรีดและลากช้าๆได้ผล มันติดแล้ว พยายามบังคับมือไม่ให้สั่น ค่อยๆจ่อไปที่ไส้

วูบ...

“โว้ย ! อะไรนี่ลมมาจากไหนวะ”ฉันเผลอร้องออกไปดังๆ

“อะไรหรือพี่ลมอะไรที่ไหน  หากมีลมก็ดีน่ะสิฉันร้อนจะตาย อยากไปโดดน้ำเต็มที แล้วพี่น่ะ ได้หรือยังผ้าถุงก่ะสบู่น่ะช้าจริง...พี่สาวเอาขันสบู่ไปซ่อนรึไง..”

ความไร้เดียงสาของไอ้ตี๋มันก็ดีกับตัวมันแต่สำหรับฉันแล้ว แทบอยากจะวิ่งไปจากตรงนี้เต็มที

“ว่าไงพี่เม  ตกลงหาเจอหรือยังล่ะ ขันสบู่ก่ะผ้าถุงน่ะเด๋วก็มืดอดเล่นน้ำนานๆ หรอก”ได้ยินเสียงมันบ่นกระปอดกระแปดข้างนอกชานชักหมั่นไส้มันเหมือนกัน นึกๆ ฉันก็อยากเล่าให้มันฟังจังเลยดีไม่ดีมันวิ่งขึ้นมาหาฉันแล้วนั่งบนตักในตอนนี้ ฉันคงจับมันเหวี่ยงออกไปแน่ๆหรือไม่ มันอาจจะทิ้งฉันไว้แล้ววิ่งไปที่อื่น แล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ

นาทีนี้ฉันพยายามข่มจิตใจอย่างหนัก

“แล้วพี่ทำไรน่ะไหนบอกไปจุดตะเกียงกับหยิบผ้าถุงขันสบู่ ใครเอาบังอาจเอาขันสบู่พี่ไปซ่อนเหรอ? ”ดูปากมันนะแค่พูดน่ะ มันยังลากเอาไอ้ที่เรากลัวใส่ให้ได้ยินอีก

“เออๆพี่ได้สบู่กับผ้าถุงแล้วล่ะ แต่ตอนนี้กำลังปล้ำกับไม่ขีดไฟกั๊กนี้อยู่ สงสัยว่าไม่ขีดเปียกหรือน้ำมันก๊าดผสมน้ำป่าวว่ะจุดไม่ติดสักที”

ด้วยความกลัวฉันเฉพูดไปทางอื่น และอยากพาสมองคิดไปทางนั้นแทนมากกว่าพะวงกับเสากลางบ้าน
“มีกั๊กเดียวหรือไงไม้ขีดบ้านพี่น่ะ  บ้านฉันนะแม่ตั้งไว้ตั้งสามจุดพร้อมตะเกียง  พอมืดก็ไม่ต้องหา”

“เออแม่พี่ก็ตั้งแบบนั้น ไปไหนมาแม้มืดมาก รู้จุดว่าต้องไปตรงไหน”รีบบอกมันไป

เงียบ..

“โห ! พี่เมอยู่ตรงไหนน่ะ ทำไมมันมืดแบบนี้” ได้ยินแค่นั้น ใจคอก็ชื้นขึ้นมาเป็นกองหล่อนลืมความกลัว

“เออๆแกมาก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ให้แกลองจุดบ้างดีกว่า”ลุกขึ้นไปจับมือเพื่อนรุ่น้องมานั่งตรงเสาที่มีตะเกียงวางอยู่

“แกนั่งเฉยๆ อย่าป้ายมือเปะปะล่ะ เดี๋ยวตะเกียงล้มน้ำมันหกละหม่องเท่งแน่พี่ขี้เกียจเติมน้ำมันตอนมืดๆ”

“แหมพี่เมนี่เห็นฉันซุ่มซ่ามขนาดนั้นเลยเหรอแต่นะ น้อยที่ไหนกัน”พูดจบมันหัวเราะร่วน

“เอออย่าพูดมาก อ่ะ แกลองสิ”เบื่อฟังมัน ฉันยื่นกล่องไม้ขีดให้ เฮ้อ !เวรกรรมจริงๆ แต่ก็ขำคำพูดมันเหมือนกัน ตี๋เป็นเด็กอัทยาศัยดี มีน้ำใจเยอะมันไม่ค่อยโกรธใครหรอก หากใครโดนมันโกรธนี่แปลว่า คนๆ นั้นแย่มาก

“เอาล่ะตาเอ็งลองล่ะ ดูซิจะติดหรือเปล่า”มือเล็กที่เห็นลางๆ นั้นดันกล่องให้เลื่อนออก

แกร๊ก แกร๊ก..

โอ้ !มันเลือกก้านด้วย

“ตี๋นี่แกเลือกก้านไม้ขีดด้วยเหรอ”ฉันถามมันขำๆ

“เลือกสิพี่แล้วฉันก็ภาวนาด้วยนะ ว่าอย่าให้เจอไม้ขีดอันไม่ดี ขอให้จุดทีเดียวติดเลย”มันบอกเคล็ด

ช่างคิดนัก...

*******************

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ก้มกราบบ่อยๆจะช่วยลดความทระนงลงได้บ้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background