Translate
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558
~*ชั่วนิจนิรันดร์*~ ตอนที่๖
บทที่ ๖
แกร๊ก...
ดิษฐ์ไม่พูดไม่จาเขาพาหล่อนมาขึ้นรถส่วนตัวที่จอดรออยู่แล้ว พร้อมเปิดประตูให้ดันร่างบางให้ขึ้นนั่งจนเรียบร้อย
“เป็นอะไรไปคะคุณดิษฐ์ ทำไมถึงรีบร้อนแบบนี้ล่ะ” ยุกันดาถามเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา หล่อนยังไม่เคยเห็นเขาทำอะไรปุบปับแบบนี้มาก่อน
แต่เขานิ่งเงียบ ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มซีดและเคร่งขรึมดูน่ากลัวในสายตาหล่อน เขายืนโงนเงนหลับตาลงใบหน้าบูดเบี้ยว เหมือนพยายามจะฝืน ยุกันดาตกใจ ต้องรีบผวาเข้าประคองดวงหน้าเขาไว้ถามเบาๆ
“อ๊ะ..! คุณดิษฐ์ไม่สบายหรือคะ หน้าคุณซีดจัง” เอ่ยถามด้วยความอาทร ก่อนจะจับศีรษะเขาให้อิงพนักหลัง เขาคงจะเหนื่อยหนักกับงาน หล่อนมองเขาอย่างสำรวจนิ่งๆ และสงสารเขาจับใจ
“เปล่าจ้ะ..” ตอบหล่อนแล้ว ใบหน้าเขาก้มต่ำลงนิดๆ แต้มยิ้มอ่อนๆระบายไปทั่วหน้าเมื่อลืมตามาเห็นสายตาของหล่อนที่มองอย่างห่วงใย “ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นอะไรและผมจะไม่เป็นหากมีคุณใกล้ๆ แบบนี้” เขาดึงหล่อนเข้าไปกอด เมื่อจบประโยคนั้นอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา หลับตาลงเหมือนจะปิดกั้นความเหน็ดเหนื่อยนั้นเอาไว้คนเดียว
“คุณดิษฐ์” หญิงสาวเรียกเขาเบาๆ และอิงหัวกับอกอุ่นหนาของเขา หล่อนหลับตาลงอย่างมีความสุข
โอ้! คุณพระช่วย ถ้าหากหล่อนไม่หลับตาลง และชะเง้อหน้าไปสังเกตนายยิ่งสักนิด คงจะตกใจจนหัวใจอาจจะวายเป็นแน่ กับการที่เขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยใบหน้าชโลมไปด้วยเลือดที่ไหลย้อยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว...
เมื่อเจอทางแยก นายยิ่งก็เลี้ยวซ้ายขับเข้าไปอีกไม่นาน สองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นเป็นแถวยาวทึบ และลึกพอสมควร ด้านหน้าเป็นกระท่อมทรงทันสมัยสวยงาม ที่ตั้งโดดเด่นท่ามกลางแสงไฟอยู่กลางป่า ชายหนุ่มลงไปก่อนจะยื่นมือมาให้หล่อนจับ แล้วก้าวลงตามไปยืนข้างๆ เขามองกระท่อมแล้วหันมาก้มมองหล่อนด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดึงมือให้เดินตามเขาเข้าไปข้างใน
ยุกันดาตื่นเต้นเมื่อเห็นภายใน สายตามองกวาดสำรวจการตกแต่งอย่างทึ่งกับการดีไซน์ เขาเดินแยกไปริมหน้าต่างก่อนจะดันให้มันเปิดออก เพื่อรับบรรยากาศในยามค่ำคืนด้วยฟังเสียงจักจั่นร้องเพลงคลอไปกับความเงียบสงัด วังเวง แต่ไม่น่ากลัว หล่อนคิดว่าเป็นสวนพฤษชาติมากกว่าเรือนพัก
“อุ๋ย..! สวยมาก ดูโรแมนติกจังเลยนะคะ” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเบิกโตกับภาพและบรรยากาศรอบๆ “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าในป่าซึ่งอยู่ห่างไกลชุมชนมานี่ จะมีเรือนน้อยน่ารักปลูกอยู่ด้วย” น้ำเสียงที่กล่าวเหมือนยังระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ได้
“เดินดูรอบๆ สิยุ ที่นี่ผมซื้อเอาไว้นานแล้ว กะว่า สักวันเมื่อมีครอบครัว ผมจะพากันมาที่นี่ในวันหยุดสุดสัปดาห์” เขาอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
หญิงสาวเดินสำรวจความงดงามด้านในอย่างถูกอกถูกใจกับข้าวของที่เขาสั่งให้คนตระเตรียมไว้ เพื่อมาฉลองกันตามประสาคู่รัก แม้แต่แชมเปญก็มีวางแช่อยู่ในถังอย่างสวยงาม พร้อมและรอให้เขาเปิด
ยุกันดาเดินไปมองที่โต๊ะอาหาร “ต๊าย ! มีแต่อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะคะคุณ” ปรามกับเขาด้วยน้ำเสียงทึ่งกับสิ่งที่เขาเตรียมไว้
“ผมโทรมาสั่งแม่บ้านว่า ให้เตรียมอาหารและทุกอย่างให้พร้อม ผมจะเซอร์ไพร๊คุณคืนนี้” เขาเข้ามาโอบกอดเธอทางด้านหลัง กระซิบที่กกหูก่อนจะใช้ริมฝีปากงับ จนหล่อนขนลุกห่อไหล่เข้าแล้วซัดเขาด้วยกำปั้นเบาๆ
“ยอดไปเลยนะคะ เลิศหรูมาก” บอกเขาด้วยใบหน้าและรอยยิ้มที่สดใส
ดิษฐ์พาหล่อนมานั่งเก้าอี้ที่เขาเลื่อนรอ เพื่อให้หล่อนนั่ง แล้วเดินไปหยิบขวดแชมเปญเปิด รินใส่แก้วถือเดินตรงมาที่หล่อน ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางหล่อนแผ่วเบาแล้วค่อยๆ เลื่อนแก้วแชมเปญให้
“เอาล่ะ เรามาเริ่มฉลอง เพื่อคุณกับผมและครอบครัวของเรากันเถอะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล
ยุกันดายิ้มแก้มแทบปริเพราะหล่อนคิดว่า เลือกคนไม่ผิด เพราะเขาเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้เอง ตั้งแต่อยู่กับเขา ดูหล่อนมีชีวิตชีวาด้วยความสุขมาก
“ค่ะคุณดิษฐ์”
ดิษฐ์ยิ้มด้วยดวงตาพราวฉ่ำ ดูหวานหยาดเยิ้ม
“ยุกันดา! คุณจะอยู่กับผมไปชั่วนิรันดร์ไหมครับ? ” เขาถามหล่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาเปล่งประกายตลอดเวลา
“เอ๋!...” ยุกันดาเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างค้นคว้า ใบหน้าระเรื่อเมื่อเจอสายตาเจ้าชู้ของเขาที่มองอยู่
“ผมรักคุณ และไม่ต้องการมีใครอื่น นอกจากคุณเท่านั้น คุณคนเดียวที่ผมคิดถึงและอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา” เขาบอกต่อด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟัง ใบหน้าคมคายระบายยิ้มทั่วหน้า แววตามั่นคงเปล่งประกายระยิบระยับแข่งกับแสงไฟ ทำเอาหล่อนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“นี่คือการขอแต่งงานหรือเปล่าคะ” หล่อนถามเมื่อเขาลุกมาขอมือเธอแล้วดึงให้ลุกขึ้น เมื่อเสียงเพลงบรรเลงแว่วดัง หล่อนไม่รู้ว่าเขาเดินไปเปิดเครื่องเสียงตอนไหน เพราะไม่มีเวลาสงสัยมากนัก เมื่อมือเรียวงามถูกเขาสานทับด้วยฝ่ามือของเขา แล้วจับเอวพาหล่อนล่องลอยไปบนพื้นห้องนั้นด้วยดวงใจที่มีความสุขจนแทบล้นทะลักออกมา หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างชื่นชม
“อื้อ..!” เขาครางในลำคอ มุมปากมีรอยยิ้มแต้มอย่างมีเสน่ห์ “คุณคิดว่าไงล่ะครับยุ” เขาย้อนถามกลับมา
“ดีใจจังเลยค่ะคุณดิษฐ์” ยุกันดากระซิบกับอกเขาเมื่อเพลงเปลี่ยนมาเป็นจังหวะนุ่มนวลช้าๆ เขาหยุดก้าว จับใบหน้าหล่อนให้หันมาแล้วจ้องลึกเข้าในดวงตา เพื่อรอคำตอบ “แน่นอนค่ะคุณดิษฐ์ ยุจะอยู่กับคุณไปชั่วนิรันดร์” หญิงสาวหลับตาเมื่อรับจุมพิตแสนหวานอย่างอ่อนโยนจากเขา ที่บรรจงจูบหล่อนด้วยความดื่มด่ำ
“ยุจะเป็นของคุณชั่วนิรันดร์” หล่อนย้ำอย่างแผ่วเบา
ดิษฐ์รับขวัญหล่อนจนพอใจแล้ว ก็เริ่มพาเท้าทั้งคู่ลอยละล่องอีกครั้ง เขาและหล่อนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงวอลท์ซที่ดังแว่วพอได้ยินไปรอบๆ ห้อง
ยุกันดาปล่อยให้เขานำทางอย่างช่ำชอง หล่อนก็เป็นผู้ตามที่ดีจนเคลิ้มๆ และอย่างแผ่วเบา เมื่อเขาช้อนร่างของหล่อนลอยขึ้นพาไปวางที่เตียงนุ่ม
ดิษฐ์ปิดปากหล่อนด้วยริมฝีปากที่เร่าร้อนชวนหลงใหลแสนหวานละเรื่อยไปตามซอกคอ เลื่อนต่ำลงไป เสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่ถูกเขาปลดออกอย่างแผ่วเบา
ยุกันดาเย็นวาบไปทั้งกาย
“ผมรักคุณยุกันดา ผมอยากไปหาพ่อแม่คุณ แล้วขอขมาที่ทำเหมือนข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่ ท่านจะเรียกร้องอะไร เท่าไหร่ ผมยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่าพรากคุณไปจากผมก็เพียงพอแล้ว” ดิษฐ์บอกด้วยน้ำเสียงกระเส่า
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ในใจลึกๆ หล่อนมีความสุข เคลิบเคลิ้มจนลืมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
ความโหยหา เร่าร้อนในอารมณ์พิศวาสของดิษฐ์กับรสสัมผัสที่เคยได้รับจากเขา ยังคงกรุ่นค้างคาในใจของหญิงสาวมาเนิ่นนาน หล่อนยอมรับกับตัวเองว่า ใจถวิลหามันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ยุกันดากายสะท้านหวิวไหว..กับทุกสัมผัสที่เขากำลังล่วงล้ำไปตามเนื้อตัวตัว หญิงสาวโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปหมดด้วยความรักที่มีอยู่ภายใน กับความปรารถนาแห่งใจที่จะใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่กับเขาอย่างเปิดเผยทุกที่ ที่เขาอยู่
“ที่รัก..! คุณคือเนื้อคู่ของฉัน ฉันจะรักคุณชั่วนิรันดร์”
หญิงสาวบอกเขาแผ่วเบา มือก็โอบไปรอบต้นคอแข็งแรง กระซิบตามจังหวะบทรักที่เขานำมาปรนเปรอ
****************
ในขณะเดียวกันที่ อาคาร พีเอช ทาวเวอร์
ผลัวะ...
ประตูถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของบอสใหญ่อย่างแรง ความตกใจ อารมณ์จึงยังปรับไม่ได้
“ทุกคนฟังนะ เมื่อวานนี้ผู้จัดการแผนกต่างประเทศ ดิษฐ์ ศิรชน ประสบอุบัติเหตุรถที่นั่งมาประสานงากับสิบล้อพ่วงบนทางด่วนตายคาที่ เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ระหว่างทางกลับบ้าน
“ห๊า! อะ อะไรนะครับ? บอส ช่วยกรุณาพูดใหม่อีกทีสิครับ”
เมฆซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับประตู ย้อนถามด้วยน้ำเสียงตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ทำให้เขาต้องทวนถามใหม่อีกรอบอย่างไม่เชื่อหู นั่นทำให้เพื่อนๆในแผนกของเขา ต่างเดินมาออกันหน้าโต๊ะที่เขานั่ง เพื่อฟังประโยคนั้นอีกรอบอย่างละเอียด
“เมื่อวานนี้ เกิดเหตุรถชนกันบนทางด่วนพระรามเก้า เป็นการประสานงากันระหว่างรถเก่งกับรถสิบล้อพ่วง เป็นเหตุให้คนที่นั่งมากับรถเก่งตายคาที่ นี่ข่าวร้อนเมื่อคืน ไม่มีใครได้ดูทีวีหรอกเหรอ ระหว่างทางกลับจากสนามบินน่ะ”
บอสจบคำพูดด้วยการถามแล้วหันหลังจะกลับออกไป แต่ก็หันมาบอกอีก
“หัวหน้า ดิษฐ์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน บริษัทของเรารับเป็นเจ้าภาพจัดงานศพนี้ให้ จึงอยากขอให้ทุกคนร่วมมือและไปฟังการสวดอภิธรรมอย่างพร้อมเพรียงด้วย”
ทุกคนในบริษัทเบิกตาโตกับข่าวที่ได้ฟัง ต่างตกใจกับข่าวใหม่ที่ชวนเศร้าหมอง บ้างก็รอหนังสือพิมพ์ช่วงบ่ายอย่างใจจดจ่อ แต่ละคนต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และไม่อยากจะเชื่อกับข่าวที่ออกมามากนัก
“อะไรกัน! ยุกันดาก็น่าสงสารน่ะสิแบบนี้” เพื่อนๆ ต่างแสดงความเป็นห่วงทั้งคู่ออกมาต่างๆ เมฆเองเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วในตอนนี้
‘ยุกันดา เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ’
รำพึงแผ่วเบากับความโชคร้ายกับชะตาชีวิตของสองคน เมื่อคืนนี้เขาโทรไปหาหล่อนก็ไม่มีอะไร และหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรเลย หรือว่าตอนนั้นอุบัติเหตุยังไม่เกิด
ชายหนุ่มนั่งครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะยื่นมือไปคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่บ้านหล่อน
กริ๊ง กริ๊งง..
เงียบ..ไม่มีการตอบรับ...
‘หรือจะออกไปรับศพหัวหน้า ’
****************
โดย..เงาบุหงา
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น