Translate

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

~*ชั่วนิจนิรันดร์*~ ตอนที่๘



บทที่ ๘
เมฆจ้องแผ่นภาพนั้นไม่วางตา ก่อนที่เขาจะขยับตัวหรือเบือนหน้าไปไหน จู่ๆ ก็มีแสงเปล่งรัศมีขึ้นรอบรูปนั้น ประกายเจิดจ้าจนเขาแสบตา ต้องรีบยกมือขยี้แล้วหลับตาลงทันที เขาใช้ปลายนิ้วคลึงที่เบ้าด้านบนสักครู่ แล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ แต่แสงนั้นก็หายไปแล้ว
แต่ทว่า เมื่อเมฆมองไปรอบๆ คราวนี้ที่เขาคิดว่ายืนอยู่ที่คอนโดหรูของอดีตแฟนสาว นั้นไม่ใช่เสียแล้ว เพราะที่เขายืนอยู่ขณะนี้เป็นพื้นไม้สักขีดมันแวววาว รอบข้างฝามีรูปแกะสลักฝีมือปราณีตของจิตรกรมีชื่อ การตกแต่งภายใน งดงามด้วยของใช้เก่าๆ ดูลึกลับสวยแปลกตา แต่พอเขามองไปทางขวามือที่มีห้องแยกออกไป ประตูเปิดออกอัตโลมัติ เหมือนเชื้อเชิญแขกหนุ่มให้เข้าไป มุมปากคลี่ยิ้มออกอย่างตื่นเต้นเมื่อร่างบางของอดีตคู่หมั้นยืนอยู่ในห้องนั้น
ยุกันดาเองก็ชะงักขา ที่กำลังจะก้าวออกมาจากห้องครัว หล่อนเบิกตาขึ้นกว้างจนโต ปากก็อ้าออกด้วยความไม่ตั้งตัว
“ม่ะ เมฆ..! คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันคะ? คุณรู้จักที่นี่ด้วยเหรอ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยคำที่ติดอ่าง ดวงตาส่องประกายบอกชัดว่าสงสัย ว่าทำไมเขายืนจ้องหล่อนด้วยความตกตะลึงแบบนั้น
“ยุ ที่นี่ที่ไหนกัน แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่” ใบหน้าคร้ามหันมองสำรวจไปรอบๆ อย่างช้าๆ ชายหนุ่มเองก็งงกับสถานที่ที่เพิ่งเข้ามาเห็น เขาจำได้ดี ว่าบ้านที่เขายืนอยู่นี่ เป็นบ้านและภาพเดียวกันกับในรูปที่เขากำลังเปิดดูอยู่ที่ห้องคอนโดชุดเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว
“อะไรกันเมฆ ทำไมถามยุแบบนั้นล่ะ ก็ในเมื่อเมฆมาที่นี่ถูก แปลว่าเมฆก็ต้องรู้จักที่นี่ดีพอสมควร แล้วทำไมต้องถามยุกลับเหมือนว่าไม่รู้จักด้วย” ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ..เสียงที่ร้องถามฟังคุ้นหู ก็ดังมาจากด้านใน
“ยุกันดา..มีอะไรเหรอ ใครมาหาเรา !”
เสียงนี้..? เขาจำได้ดี...
เมฆยืนมองใบหน้าของอดีตคนรัก และทอดสายตามองข้ามหัวหล่อนไปด้านใน ก่อนดวงตาจะเปิดกว้างใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นจนฟันกระทบกัน แต่ยุกันดาไม่เห็น เพราะรีบหันไปยังต้นเสียงเสียก่อน
“คุณดิษฐ์ เอ่อ..คือว่า..! ” หล่อนยังไม่ทันจะเอ่ยปากตอบ ใบหน้าของคนที่เรียกนั้นก็โผล่ออกมาสมทบ ทำให้เมฆผละเซถอยหลัง มือก็ยกขึ้นชี้ก่อนจะหลุดคำพูดออกมาได้สักคำ
“หวะ หัวหน้า ทะทำไมมาอยู่ที่นี่? บ้าน่า เป็นไปไม่ได้” เขายกมือขึ้นขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาเบิกกว้างและโตกว่าเก่า เมฆยืนจ้องชายหนุ่มตรงหน้าเขม็งหน้าซีดเผือดปากก็ละล่ำละลัก พยายามจะตั้งสติแต่ก็ยากเต็มที หญิงสาวหันมาทางเขาและขมวดคิ้วขึ้นสูง ทั้งมองอย่างแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลง
“เมฆ คุณเป็นอะไรไป มีอะไรผิดปรกติหรือคะ” ความอยากรู้ทำให้หล่อนเอ่ยถามทันที
“หวะ..หัวหน้ามาทำอะไรที่นี่ ก็คุณตายไปแล้วนี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ทำไม ทำไมมาที่นี่” เขายังคงพึมพำอยู่แบบนั้น คำถามซ้ำซากวนเวียนไปมาจนยุกันดาเริ่มไม่พอใจ
“หยุดนะเมฆ คุณอย่ามาชี้ซั้วพูดสิ ทำไมนิสัยแบบนี้ ยุไม่อยากเชื่อว่าคุณจะอิจฉา คุณดิษฐ์เขาขนาดพูดให้ร้ายกันได้ เราน่าจะคุยกันเข้าใจดีแล้ว” ยุกันดาตวาดเขาด้วยน้ำเสียงกร้าวและเกรี้ยวกราด
“โธ่! ผมพูดจริงๆนะยุ เมื่อคืน ที่วัดธาตุทอง ผมยังไปฟังพระสวดอภิธรรมมาเลย ตอนนี้ศพของหัวหน้ายังตั้งอยู่ที่วัดเลย” เมฆรีบอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างเร็ว เพราะดูเหมือนว่าหล่อน จะไม่รู้ข่าวที่เกิดขึ้น และนั่นทำให้เขายืดตัวขึ้นตรงหลับตายกมือขึ้นตั้งฉากก่อนจะบอกอีกครั้ง “เอาล่ะ ยุฟังผมดีๆ นะ รถยนต์ที่หัวหน้าดิษฐ์นั่งกลับมาจากสนามบิน เกิดอุบัติเหตุขึ้นบนทางด่วนและพลิกคว่ำจนไฟลุกท่วมคัน ทำให้มีคนตายคาที่ทันทีเจ็ดศพ เมื่อสามวันก่อน เข้าใจผมหรือยัง” เขาเท้าความและบอกข้อมูลให้หล่อนฟังและได้คิดดวงตาส่องประกายอ่อนโยน
“ยุไม่เชื่อ คุณอย่าพูดบ้าๆ นะเมฆ คุณดิษฐ์มาหายุและอยู่กับยุที่นี่ตลอดเวลา จู่ๆ จะกลายเป็นศพไปได้ยังไงกัน หากคุณมาเพื่อที่จะทำให้เราสองคนแยกกันนั้น ไม่เป็นหรอกค่ะ เมฆกลับไปเถอะนะ หากมาเพื่อใส่ร้ายคุณดิษฐ์ล่ะก็ ยุไม่ต้องการฟัง ไม่อยากได้ยินอะไรที่ใครว่าเขาไม่ดี เมฆไปก่อนที่ยุจะหมดความอดทนดีกว่าค่ะ” เมื่อกล่าวจบหญิงสาวก็ตัดบท และหมุนร่างเดินไปหาคนรักที่ยืนไม่ห่างกันนัก
ยุกันดาเดินไปยืนระหว่างกลาง เหมือนกำลังจะป้องกันอันตรายให้เขา ที่จะเกิดจากเมฆ นั่นยิ่งทำให้เมฆมองหล่อนอย่างคนไม่เคยรู้จัก ทั้งฉงนกับการกระทำของอดีตคนรัก
“ยุจะบอกว่า คนที่ตายไปนั่นน่ะเป็นคนอื่นหรือครับ?” เขาไม่อยากจะเชื่อว่ายุกันดาจะเป็นคนที่พูดยากไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากครางในลำคออย่างหงุดหงิด และเขาแทบผละ เมื่อร่างหนาของผู้ชายที่เขาคุ้นตาเป็นอย่างดีนั้น จ้องมาด้วยสายตาถมึงทึง
“ค่ะ...คุ...คุณดิษฐ์?” เมฆในตอนนี้เหมือนร่างกายจะร้อนวูบวาบ คล้ายคนเป็นไข้ประมาณนั้น
ดิษฐ์ขมวดคิ้วเข้มยุ่งจนแทบจะชนกัน ปากเม้มสนิทกรามบดกันแน่นจนน่ากลัวว่ามัน
จะหักลง มือหนาของเขาเลื่อนเข้าจับไหล่บอบบางของหญิงสาวและดันให้มายืนข้างๆแทนด้านหน้าเขา
ก่อนจะเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นน่ากลัว
“ยุ กัน ดา เป็น ของ ฉัน และ จะ ไม่ ยก ให้ ใคร เด็ด ขาด” ประโยคนั้นของเขาเน้นทุกคำพูด ประกายตากร้าวเมื่อทอดไปยังร่างของอาคันตุกะหนุ่ม ก่อนที่ลมเย็นจะพัดมาวูบวาบ ปลิดปลิวสายใยอ่อนไหวเข้าปะทะร่างของเมฆจนกายสะท้าน กิ่งไม้ไหวดังหวีดหวิว หมาที่อยู่ไกลๆ เริ่มส่งเสียงเห่าหอนรับกันมาเป็นทอดๆ ร่างกายเมฆพลันหนาวยะเยือกขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ในนาทีนี้เขาไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว เพียงแค่ต้องการจะนำหญิงสาวอดีตคู่หมั้นออกไปจากบ้านชายป่านี้ให้พ้นเท่านั้น
แต่ทว่า..
หัวหน้าแผนกหนุ่มใหญ่ ก็หันหลังเหนี่ยวเอวบางข้างๆ เตรียมพาออกเดิน นั่นทำให้เขาถลาเข้าไปหาร่างของทั้งสองอย่างรวดเร็ว และเหมือนดิษฐ์จะรับรู้ในความคิดของเขา มือหนาเอื้อมเข้าจับมือของยุกันดาอย่างเร็ว และปัดให้ร่างบางไปทางด้านหลังเขาโดยไม่ยั้ง จนหญิงสาวอุทานเพราะด้วยความเจ็บและไม่ทันคิดจะตั้งตัว
หมับ...
“อุ๋ย...คุณดิษฐ์! ยุเจ็บนะคะ มีเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องทำสีหน้าน่ากลัวกันด้วย” ยุกันดาอุทานและถามตรงๆ เมื่อเห็นทั้งคนจ้องกันอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงจึงดูจะตื่นตกใจ ยิ่งเมื่อคนรักหนุ่มคว้ามือแล้วผลักให้ไปด้านหลัง เพื่อกั้นเมฆให้เข้าไม่ถึงตัว เพราะร่างหนานั้นกั้นเอาไว้ทั้งตัวก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเมฆตรงๆ
“ปล่อยยุเถิดครับหัวหน้า ให้ผมพายุกลับบ้าน” เมฆบอกด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“ผมจะพาคุณไปนะยุ..!” ดิษฐ์หันไปบอกหล่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และเอื้อมมือไปกำข้อมือเรียวเอาไว้แน่น ก่อนจะดึงร่างหล่อนเข้ามาปะทะอกกว้างที่หล่อนใช้อิงแทนหมอน ยามนอนในบางคราวอย่างแรง
“โอ้ย..! คุณดิษฐ์ ยุเจ็บนะคะ ทำไมต้องดึงแรงด้วย”
และเป็นจังหวะเดียวกับที่เมฆเองก็ถลาเข้าหาร่างของหล่อนด้วยเช่นกัน แต่ช้ากว่าดิษฐ์ที่ยืนใกล้ๆ ชายหนุ่มก้าวขาออกและดึงร่างบางไปด้วย เหมือนผู้ใหญ่ดึงเด็กให้ออกห่างของเล่น
“คุณดิษฐ์ คุณจะพายุไปไหนน่ะ” เมฆเห็นเช่นนั้นเขาก็เอ่ยถามทันที แต่ดิษฐ์ไม่ฟังเสียงของใครทั้งนั้นในเวลานี้ ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวจนดูไม่เหลือเค้าความหล่ออยู่เลย มือที่จับข้อมือหล่อนก็ซีดเซียว เย็นยะเยือก ร่างกายของเขาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป เลือดเริ่มซึมออกมาตามรู้ขุมขน และลามเรื่อยจนเต็มร่าง ไหลหยดย้อยไปตามทางที่เดิน ยุกันดาจ้องเขม็ง หล่อนตะลึงกับใบหน้าของเขา ดวงตาที่มองมาที่หล่อนลึกโบ๋ แล้วน้ำเหลืองก็เริ่มปริ่มเบ้าตาไหลเยิ้ม หยดไปตามข้อมือที่กำมือหล่อนเอาไว้
ยุกันดาเบิกตากว้าง อ้าปากค้างหล่อนช๊อคกับภาพที่เห็น ทำให้ขาสั่นจนทำอะไรไม่ได้
“คุณดิษฐ์ กรี๊ด!” กรีดร้องอย่างโหยหวนก่อนจะพับในอ้อมแขนที่อาบเลือดเปรอะเปื้อนชุดนอนหล่อนจนเป็นสีแดงฉาน ความวังเวงเริ่มเกาะคลุมไปทั่วบ้าน เมฆเองก็ทำอะไรไม่ถูก ด้วยความตกใจ เขายกมือขึ้นแหย่นิ้วใส่ปากขบอย่างแรง
“โอ๊ย...!” เขาสลัดมือไปมา สีหน้ายับยู่ยี่กับการเรียกสติด้วยวิธีนี้
“นายกลับไปซะเมฆ ยุกันดาจะไปกับฉัน เธอพร้อมจะไปทุกที่กับฉัน” ร่างโทรมด้วยเลือดหันมาบอกกับเมฆ ไม่ทันขาดคำ ร่างหนานั้นก็มีหมอกและควันลอยล้อมท่วมร่าง ขาเริ่มลอยเหนือพื้น ร่างเอนเคว้งคว้างในอากาศ โดยในอ้อมแขนมยังช้อนอุ้มร่างบางไว้แนบ อกไม่ยอมปล่อย
“หัวหน้าครับพอเถอะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ หัวหน้าปล่อยยุมาให้ผมเถอะครับ หัวหน้าตายไปแล้ว อย่าพายุไปด้วยเลย” เมฆตะโกนสุดเสียง ทำให้ร่างบางของหญิงสาว ค่อยๆ ลืมตาที่เปียกชุ่มด้วยคราบน้ำตา และเริ่มพรั่งพรูออกมาอย่างสะท้านสะเทือนใจกับสิ่งที่หล่อนไม่เคยคิดว่าจะได้รับรู้
“คุณดิษฐ์ มันไม่จริงใช่ไหมคะ? บอกยุสิคะคุณดิษฐ์ ว่าที่ยุเห็นมันไม่จริง กรุณาบอกยุหน่อย นะคะ” เสียงร้องร่ำไห้ของยุกันดาที่ถามคนรักอย่างกระท่อนกระแท่น ฟังแล้วเสียดแทงความรู้สึกของเมฆยิ่งนัก
“ยุครับ ทำใจดีๆ ไว้”เมฆร้องบอกอดีตแฟนสาวด้วยความสงสาร
“ไม่จริงคะเมฆ คุณดิษฐ์เขาไม่ได้ไปไหน เขายังคงอยู่ที่นี่ ใช่มั๊ยคะคุณดิษฐ์ ไม่จริงใช่ไหม เมฆโกหกยุใช่ไหมคะ” หล่อนหันไปเผชิญหน้ากับร่างที่ลอยเหนือพื้นตรงหน้า เลือดไหลเยิ้มไม่หยุด และไม่มีคำตอบใดๆ ออกมา “ไม่ ไม่จริ้ง เป็นไปไม่ได้ เป็นไม่...ได้ ฮื่อ ฮื่อ...คุณดิษฐ์” หล่อนตะโกนสุดเสียง ร่ำร้องออกมาเหมือนคนเสียสติก็ไม่ปาน
ยุกันดาสลัดข้อมือเบาๆ เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา แล้วใช้มือนั้นโอบอุ้มไปที่ปลายคาง ไล้นิ้วมือปาดเลือดออกจากใบหน้า อย่างน่าเวทนา
“คุณดิษฐ์ คุณพายุไปด้วยนะคะ ได้โปรด อย่าทิ้งยุไว้ที่นี่คนเดียว ช่วยพายุไปยังที่ที่คุณจะไปนั้นด้วยนะคะ ได้โปรด....”
เมื่อสิ้นประโยคนั้นของยุกันดา ทั้งสองหนุ่มต่างเรียกชื่อหล่อนขึ้นพร้อมๆ กัน
“ยุกันดา!”
****************

โดย..เงาบุหงา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background