Translate
วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556
*****ดวงตาอาฆาต ๙*****
คงจะเพราะนอนคิดจนไม่หลับทั้งคืนเลยทำให้วีรนุชตื่นสายกว่าปรกติหญิงสาวลืมตามองเพดานอยู่เป็นครู่ก่อนจะยกมือบีบขมับตนเองแล้วคลึงเบาๆเพื่อให้คลายความปวด
ก๊อกๆ
เอี๊ยด...
“เป็นไงบ้างลูกวี แม่ทำข้าวต้มไว้ให้นะ ลุกไหวไหม? ตัวร้อนหรือเปล่า?”ถามแล้วก็เดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงเข้ามาก่อนเดินมาใกล้ๆ เอามืออังที่หน้าผากหล่อน
“ตัวรุมๆ นะ ลุกขึ้นล้างหน้าลงไปกินข้าวเสียหน่อยเถอะลูก จะได้กินยานะลูกนะ”เสียงคุณปิ่นบอกความอาทรอย่างอบอุ่นหล่อนมองใบหน้าของมารดาแล้วพยักหน้ารับ ใช้มือยันตัวลุกขึ้นเลื่อนตัวลงจากเตียงช้าๆ
วีรนุชเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักครู่ก็ออกมา หล่อนเดินลงไปทานข้าวกินยาตามที่มารดาบอกแล้วนอนหลับทั้งวัน จนเย็น
ติ๋งต๋อง
เสียงออดดังที่หน้าประตู คงจะเป็นเพื่อนบ้านมาหามารดาละมั่ง หล่อนลุกขึ้นนั่งมือคว้าหนังสือขึ้นมาอ่าน
-----------------
“สวัสดีค่ะคุณแม่ พวกหนูเป็นเพื่อนกับวีรนุชค่ะ”เสียงรตาบอกออกมาอย่างสดใสเป็นการรายงานตัว
“วีรนุชไม่สบายหรือคะ คุณแม่?พอดีพวกหนูไม่เห็นเธอไปเรียนก็เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ”ปภาวดีถามบ้างอย่างห่วงใย
“จ้ะ เห็นบอกว่าปวดหัวนะ ตอนนี้คงไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะจ้ะ ตามสบายนะจ้ะ เข้าไปเถอะ”คุณปิ่นบอกอย่างใจดี “ตามสบายนะทุกคน เดี๋ยวแม่จะเอาขนมมาให้กินกัน”
“ขอบพระคุณค่ะ คุณแม่”ยกมือไหว้ขอบคุณมารดาของเพื่อนแล้วเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
รตายื่นใบหน้าเข้าไปก่อน หันซ้ายหันขวา“จ๋ะเอ๋...! วีรนุช เป็นไงบ้างจ้ะ?”
วีรนุชหันมามองเบิกตาโตอย่างคาดไม่ถึงว่าเพื่อนๆ จะมาหาในวันนี้ “เฮ้..รตา ศิลา ปภาวดี มาได้ไงนี่?”ร้องถามอย่างตื่นเต้น
“เธอเป็นไงบ้าง วีรนุช? ”ศิลาถามออกไปเมื่อลงไปนั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ พรุ่งนี้ก็ไปโรงเรียนได้แล้วล่ะ”วีรนุชบอกเพื่อนเบาๆและส่งยิ้มให้อย่างจริงใจ
“นี่วีรนุช วันนี้คุณครูกำหนดวันสอบมาแล้วนะเราเลยมีข้ออ้างมาเยี่ยมเธอยังไงล่ะ”ปภาวดีบอกยิ้มๆ
“โห..! จะสอบแล้วหรือนี่? “หญิงสาวทำตาโตปากห่อๆ เมื่อเพื่อนพูดจบ
มารดาเดินนำถาดขนมและน้ำเข้ามา ปภาวดีเห็นรีบลุกขึ้นยื่นมือออกไปขอมาถือเอาไว้ “อุ๋ย..! คุณแม่มาค่ะหนูเอง”
เพื่อนๆอีกสามคนเห็นอย่างนั้นรีบยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกัน “ขอบพระคุณค่ะคุณแม่”
“วีรนุช เรามีเรื่องประหลาดมาเล่าให้เธอฟังด้วยนะ”รตาโน้มใบหน้าไปใกล้ๆเพื่อน “พวกเราไปนั่งคุยกับลุงจำเริญมาเมื่อเที่ยงหลังจากกินอาหารเสร็จ แกเล่าว่าเมื่อหกปีที่แล้วน่ะ ที่นี่มีเด็กนักเรียนเข้ามาใหม่ ปี ๒ ห้อง A และเขาก็มีตัวตนจริงๆนะ แต่ตายไปแล้วเมื่อวันที่ ๖ เดือนตุลานะ”รตาเล่าด้วยใบหน้าตื่นเต้น
วีรนุชฟังด้วยความระทึก เหงื่อชื้นเต็มอุ้งมือที่หล่อนกำเข้าหากัน ด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเป็นประกาย
“และในสองสามเดือนก่อนหน้านั้นก็มีนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่เหมือนเธอเลยล่ะ”ปภาวดีเสริมคำพูดของเพื่อน
“อยากรู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อหกปีที่แล้วและทำไมวิญญาณจึงยังมาวนเวียนอยู่ห้องนั้น”ศิลาสงสัย
“นั่นสิ ฉันก็คิดเหมือนเธอนะศิลาเสียดายระฆังดังเสียก่อน ไม่งั้นลุงแกคงเล่าจบ”รตากระซิบกับเอนๆ
“เอาน่า รอให้สอบเสร็จแล้วปิดเทอมก่อนเถอะ เราไปล่าความจริงจากต้นตอด้วยกัน”ศิลากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งสีมองหน้ากันแต่ความรู้สึกไม่ต่างกัน
----------------
เมื่อสอบวันสุดท้าย วีรนุชรู้สึกได้ว่าหล่อนกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากไปและทำข้อสอบไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ก็หงุดหงิดบ้างเล็กน้อย
ในที่สุดก็ปิดเทอม
ศิลาก็ชวนปภาวดีและรตามาที่บ้านวีรนุชแต่เช้า ซึ่งทั้งหมดก็เริ่มพุ่งเป้าไปที่บ้านเกิดของนิลนาถซึ่งอยู่ไปอีกหมู่บ้านไม่ไกลกันนัก
ทั้งสี่มาถึงหมู่บ้านที่นิลนาถเคยอยู่และจอดรถเดินดูบ้านเลขที่ๆ จดมาจนเจอ
ปภาวดีก้มๆ ส่ายตัวมองเข้าไปภายใน เหมือนจะไม่มีคนอยู่ เห็นป้าข้างบ้านออกมาจึงยกมือไหว้แล้วถาม
“สวัสดีค่ะคุณป้า เอ่อ..นี่ใช่บ้านของคุณนิลนาถ ปานน้อยไหมคะ? ”
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
ก้มกราบบ่อยๆจะช่วยลดความทระนงลงได้บ้าง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น