Translate

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

..สับสน..




๐ในวันที่ดวงใจเราสับสน
ทุกข์ท่วมท้นรอรับกลับมาหา
สายลมเอื่อยพัดผ่านม่านบังตา
ชวนชื่นตาแต่หาได้ชื่นใจ

๐อยากจะลาพักไปให้หายล้า
เหนื่อยกับวันเวลาพาอ่อนไหว
ทุกข์ทดท้อกับคนของหัวใจ
ไม่อยากเห็นแม้ใครในภวังค์

๐ขอเวลาพาดวงใจไปพักผ่อน
เบื่อกับความปลิ้นปล้อนซ่อนแต่หลัง
เผลอมอบรักทุ่มเทเต็มพลัง
แต่เหมือนยังว่างเปล่าเหลือเท่าเดิม

๐อยากหยิบยื่นคืนใจใฝ่เฝ้าภักติ
นึกถึงยามซบตักป้อนรักเสริม
วันก่อนเก่ารำพันมั่นต่อเติม
นั่นก็คือจุดเริ่มเพิ่มผูกพัน

๐ในความจริงแค่บอกหลอกให้เชื่อ
พอเริ่มเบื่อก็ร้างทางเปลี่ยนผัน
ไม่เหลือแล้วเคยรักเคยห่วงกัน
สื่อสัมพันไม่คืนและยืนยาว

...ในคำนึง..คิดถึงเธอ...




...ในคำนึง..ถึงอีกใจ...

ได้ยินคำคิดถึงซึ้งใจมาก
อยากเอ่ยถ้อยคำฝากจากใจฉัน
ส่งผ่านลมฝากดาวเคล้าแสงจันทร์
คอยห่มล้อมใจนั้นปันอุ่นไอ

เฝ้าคร่ำครวญหวนหาคราคิดถึง
นั่งรำพึงคะนึงหาพาหวั่นไหว
กลั่นเป็นคำสร้อยรักออกจากใจ
ได้ยินไหมใจละเมอเพ้อถึงกัน

ใจนั้นคิดเรื่องเราที่เพียงผ่าน
เมื่อวันวานขานรับจับใจฉัน
เราเคยร่วมร้อยรสบทจำนรรจ์
หรือว่านั่นแค่ฝันบอกกันที

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

หลักธรรม ๒


๒/ อุปกา-ระธรรม ที่จำแนก
ปราการแรก คือ "สติ" มิแปรผัน
ความรำลึก นึกระวัง ทั้งคืนวัน
"สัมปชัญญะ" รู้อยู่กับตน.

๒๖/๐๑/๕๖ 

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

๐๐ เีดี๋ยว ๐๐






“เดี๋ยว”  คำเดียวก็สายเกินไป

เมื่อก่อนตอนที่ฉันเป็นเด็กๆ เวลาแม่ใช้ให้ทำอะไร
ฉันมักจะติดคำว่า “เดี๋ยวนะแม่  อีกสักประเดี๋ยว”
แม่บอกเสมอว่า คำนี้คือ อุปสรรคสำคัญที่ทำให้เราทำอะไรไม่สำเร็จ

ฉันไม่เคยสนใจ....เมื่อฉันโตขึ้นมา  เลยนำคำนั้นติดตัวมาด้วย
ฉันได้พบว่า...ฉันพลาดอะไรหลายๆ อย่างเพราะคำๆ นี้
มันทำให้ฉันไม่อยากทำอะไร  ขี้เกียจ และลืมทำอะไรที่ควรทำไป

คำว่า  .  “เดี๋ยว”  นั้นหมายถึง...ไม่อยากทำ  เผลอก็ไม่ได้ทำไปซ่ะงั้น
ฉัน  “เดี๋ยว” จนลืม  และทำให้เกิดเรื่องตามมาเสมอๆ หลายๆ ครั้ง

คนเรามันจะไม่คิดก็ไม่ได้  ..เพราะมันได้เจอกับตนเอง
ฉันในทุกวันนี้ได้เตือนตนเองทุกครั้ง และเสมอๆ  ว่า
ถ้าหากคำนี้มันเดินทางมาหาฉันเมื่อไหร่ให้คิดว่า....
ถ้ามีชีวิตไม่ถึงอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้.....จะเสียใจไหม? ถ้าหากไม่ได้ทำ....
มันทำให้ฉันรีบผลักเอาคำๆนั้นเก็บไปให้ลึกๆ   ละรีบตาลีตาเหลือกมาทำ…
มีหลายอย่างเหมือนกันที่ไม่ทำก็เสียใจ.....แต่..
มันก็คงน่าเศร้ามากมายนัก  หากตายก่อนที่ไม่ได้ทำ.....

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

***หลักธรรม***



๑/ เริ่มข้อความตามหลักอักขระ
หมวดทุกะก็คือชื่อหมวดสอง
ช่วยยับยั้งชั่งใจให้ไตร่ตรอง
ประคับประคองมวลมนุษย์สุดสำเค็ญ.


๒๖/๐๑/

...ยามรัก...






๑.ยามอาลัย ดวงตา พาคิดถึง
ยามคะนึง ซึ้งเศร้า เหงามาใกล้
ยามรักแสน แฟนเก่า เร้ารุ่มใจ
จนหวั่นไหว ในทรวง ยังหน่วงตรึง

๒.ยามเมื่อหวาน ซ่านซึ้ง ถึงยามสาย
ยามเขาหมาย คล้ายพิษ ติดตามขึง
ยามประทับ จับจอง ต้องตะลึง
เมื่อหยุดตรึง พึงปลอบ มอบรักเธอ

๓.ยามโลมลูบ จูบซับ ประทับกาย
ยามแย้มพราย คลายหม่น บนรอยเพ้อ
ยามรักร้าว ผ่าวร้อน อ้อนละเมอ
ใจก็เผลอ เจอต้อน อ่อนทันที

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

~**งั้นลืมก่อน**~




๐งั้นน้องลืมไปก่อนนะตอนนี้
เมื่อคนดีมาแล้วแว่วท้ายสวน
อยากได้ยินอีกสักครั้งดั่งลมทวน
ฝากลมหวนครวญเพลงอย่าเกรงใจ

๐.ก็จริงจริงพี่บอกจะมารับ
ถึงเวลาดันกลับกายลับไร้
ปล่อยน้องรอคนเดียวเปล่าเปลี่ยวไป
เคยสนกันบ้างไหมเล่าใครนี่?

๐.บอกแต่ปากจากห่างทางไม่อยู่
จะร่วมรับและรู้ดูรึพี่
รอเมื่อถึงกลับมานับเป็นปี
คอยจนล้าเหลือดีเกือบปีไป

~**รวมกลบท**~


 

๑.เพราะเพราะเราเฝ้าเคล้าเหงาจิต
เคยเคยคิดถึงซึ่งหนึ่งในนั้น
สร้างสร้างหวังทั้งหมดจดทุกวัน
จนจนหวั่นพลั่นพรึงถึงในใจ

๒.ไม่อาจขอขอเลยเผยสักนิด
คนไร้สิทธิ์สิทธิ์รู้ดูอ่อนไหว
ชีวิตคนคนนั้นอาจผันไกล
ทุกข์เกินใฝ่ใฝ่ปองคล้องยามครวญ

๓.ไฟไม่หมด ไม่หมดไฟ ใจเราสู้
เฝ้าเรียนรู้ รู้เรียนเฝ้า เข้าในสวน
ไม่ร่ำร้อง ร้องร่ำไม่ ใช่เชิญชวน
จนจวนไหม้ ไหม้จวนจน คนไม่แคร์

๔.มอบรักให้ ให้กับเธอ เธอคนนี้
ทั้งหวังดี ดีเหลือเกิน เกินสุดแท้
แม้เธอเมิน เมินไม่มอง มองตาแล
สุดจะแก้ แก้ระหว่าง ระหว่างใจ

...ม่านประเพณี...

...ม่านประเพณี...

/ ความดื่มด่ำ ตอนค่ำ ยังฉ่ำหวาน
ยังไม่ผ่าน ไปไกล ไม่ร้างหาย
ใจของพี่ ที่บอก ออกมากมาย
มีความหมาย คลายตรม ทุกข์ถมมี

/.ถึงเช้าตรู อยู่อีกนิด ชิดไม่ห่าง
ขอพักพิง อิงข้าง ระหว่างนี้
เกี่ยวเก็บสุข ซุกครอบ กรอบประเพณี
ยากหลีกลี้ หนีห่าง ทางเขาวาง

/.สุขในอ้อม แขนล้อม ไม่ยอมจาก
จนรุ่งราง แสงลาก ขอบฟากพร่าง
ตะวันเลื่อน เดือนดับ รับหมอกจาง
อยู่ระหว่าง ข้างแฝก ละแวกนั้น

/.ข่มสะอื้น ฝืนตรม ถมทับไว้
จากนี้ไป ไออุ่น เคยหนุนฝัน
ร้อยเดือนดาว คราวแจ่ม แต้มแสงจันทร์
กลบอารมณ์ บีบคั้น นั่นให้เซียว

/.ก่อนกำแพง แห่งรัก จักปกคลุม
ใจรุมรุม ทุ่มคาด หวาดจนเสียว
ใช่..ตระหนัก รักแท้ แพ้เงินเทียว
ก็ไม่ฝัน ปั้นเกี้ยว มาเหนี่ยวตัว

~*เหงาเหงา*~



ยามเหงาเหงา เศร้าเศร้า เข้าจับจิต
เฝ้าชิดชิด ห่างห่าง หนีร้างหาย
ทั้งโศกโศก โยกวิเวก เสกมิคลาย
เรากอดก่าย ความโดดเดี่ยว เปลี่ยวชีวา

แล้วเคยทำ..สิ่งใด..เอาไว้หนอ
ผลกรรมรอ..ของใคร..ใช่ปันหนา
กรรมที่ดี..มีชั่วลง..ส่งทันตา
ถึงชาติหน้า..พาติด..ชิดกับกรรม

หมู่มวลมิตร..รุมล้อม..พร้อมชิดใกล้
ข้างพฤกษ์ไพร..ในร่ม ลมโชยฉ่ำ
มีพ้องเพื่อน..ห้อมล้อม..ป้อมประจำ
ภูมิลำนำ..เขาแสน..แดนปฐพี

ให้วังเวง..เกรงกลัว..ทั่วไพรพฤกษ์
เมื่อนั่งนึก..ถึงกัน..ฝันยามนี้
หากว่าแม้..เลือนสุข..ทุกข์มากมี
ความสุขี..ที่ปลอบ มอบให้คลาย

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

~* มงกุฏกาม..*~




นั่นตึกสูงเสียดฟ้า
เหมือนม่านตามาบังใจ
ชีวิตคิดคว้าไขว่
หลงอยู่ในเกมส์แข่งขัน...

กลโกง และเล่ห์เหลี่ยม
เขาตระเตรียมเยี่ยมเหนือชั้น
หัวใจได้ฟาดฟัน
เชือดเฉือนกันนั่นสงคราม

ลีลา ของชีวิต
เหมือนลิขิตด้วยขวากหนาม
ร้อนรุกทุกโมงยาม
ยากฝ่าข้ามความทุกข์ตรม

มองดู ผู้ยากเข็ญ
เหมือนเขาเป็นเศษขนม
มัวเมาเคล้าชื่นชม
ไฟห่อห่มจมกับทรวง

~*๐๐๐เพราะความรัก๐๐๐*~




/เคยถนอมไม่ห่างทางที่สร้าง
เราเคยถางพรางทุกข์ซุกจนแน่
เรารินร้อยถ้อยคำนำเชือนแช
ไม่เคยจางจากแท้แน่สัญญา


/นั่งดูนกตกปลาบางครั้งว่าง

เขาไปไหนตามข้างไม่ห่างหน้า
ไม่เคยกลัวสรรพสิ่งที่อิงมา
หากมีเราร่วมฝ่าพากันเดิน


/จะคอยหยอดปุ๋ยหว่านผ่านมาให้

เอาดินร่วนพรวนใส่ไม่ห่างเหิน
คอยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูอยู่อย่างเพลิน
ก่อนชวนเชิญจับมือกันมั่นยอดชู้


/ใครรักเป็นเห็นไมตรีที่ก่อเกิด

ความรักเป็นสิ่งเพริดงามเลิศหรู
เพราะรักเป็นสิ่งประเทืองให้เฟื่องฟู
ใครรักอยู่รู้ได้คิดจิตผูกพัน


/โลกสว่างกระจ่างชื่นรื่นเริงยิ่ง

เพราะความรักเพริศพริ้งอิงความฝัน
เอาความรักที่มีค่ามาฝ่าฟัน
ให้รักฉันมีมนต์ขลังฝังแนบตน


/เติมความรักเปี่ยมล้นกับตนก่อน

ไม่เร้นซ่อนซ้อนซับให้สับสน
รินความรักจากใจเติมใส่กมล
แล้วเราปรนรักพลีนี้ตามควร


/แต่ที่เจอเผลอไปมันไม่ใช่

รักที่ไร้ใจรับปรับเจอสวน
เขาไม่สนเขาไม่แคร์แลคอยชวน
จนรักทำใจปั่นป่วนต้องครวญคำ

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ดวงใจใคร่ปอง




ดวงเดือนเด่นดาวดาษมาวาดฟ้า
ดวงดาราลอยลมบ่มเส้นเสียง
ดวงจันทร์แจ่มแต้มรักสลักเคียง
ดวงใจเรียงเพียงเพ้ออย่าเผลอไป

ใจคอยเฝ้าเข้ามองจ้องตรงนี้
ใจน้องมีกี่ห้องใครครองไว้
ใจน้องสาวคนนี้อยู่ที่ใด
ใจคนไกลไหนกันน้องฉันมอง

~ *ไมตรีเรียงร้อย*~


มีไมตรีเรียงร้อยห้อยสีสัน
มีน้ำใจแบ่งปันฝันมิสูญ
มีถ้อยหวานเจือจานผ่านอาดูร
มีแต่ความสุขพูนศูนย์รวมเรา

ผ่านมากี่ขวบปีมิมีเลือน
มีความห่วงให้เพื่อนเตือนยามเหงา
ถ้อยลิขิตชิดแนบแอบเป็นเงา
ไล่ความเศร้าคลุกเคล้าเข้าจับปม

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

ห้องเช่าวิญญาณหลอน..


ห้องเช่าวิญญาณหลอน..

เมื่อปี  ๒๕๔๕ ดิฉันได้ทำงานประจำที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถบชานเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ดิฉันจึงย้ายออกจากบ้านไป เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่คนเดียว ซึ่งการเดินทางต้องใช้เวลาประมาณ  ๑๐ นาที

อพาร์ทเม้นต์ที่ฉันเช่าพักเป็นตึก ๔ ชั้น ตั้งอยู่ในซอยลึกและตัน ทางด้านซ้ายมือติดกับที่รกร้าง มีต้นกระถินขึ้นอยู่เต็มพื้นที่  แถมข้างๆ มีศาลเก่าๆ ที่มีคนนำมาทิ้งทับถมไว้เป็นจำนวนไม่น้อย ส่วนด้านขวามือเป็นลานจอดรถและถัดไปคือกำแพงกั้นของหมู่บ้านจัดสรร

ฉันได้ห้องเช่าที่อยู่ทางฝั่งพื้นที่รกร้างเกือบริมสุดด้านขวาของชั้นสาม ฉันย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้ได้เพียงสามวัน  โดนคนมางัดห้องเข้ามาทางระเบียง ตอนนั้นฉันเลยขอย้ายห้อง

บังเอิญเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน เธอพักอยู่ชั้นสอง เมื่อทราบเรื่อง เธอก็มาช่วยพูดกับคนดูแลตึกเพื่อขอให้ฉันได้ย้ายไปอยู่ชั้นเดียวกับเธอ แต่เป็นห้องที่อยู่ติดกับบันได ซึ่งระเบียงห้องก็ติดกับห้องนอนของเธอ ฉันก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องนั้น

หลังจากย้ายของทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ฉันก็จัดการอาบน้ำเพื่อจะได้หาอะไรกิน...ขณะที่เปิดทีวีและกินข้าวไปพร้อมๆ กันนั้น รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรปลิวจากระเบียงเข้ามาในห้อง เมื่อฉันลุกขึ้นเดินออกไปดู ปรากฏว่าเป็น...
ใบปลิวของหนังเรื่อง..”คนเห็นผี”

ตอนนั้นฉันไม่คิดหรอกว่าจะมีคนมาแกล้งหรือเปล่า อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

ฉันจึงขยำกระดาษแผ่นนั้นไปทิ้งถังขยะแล้วล้างมือเดินกลับไปนั่งกินข้าวดูทีวีต่อ

กำลังนั่งดูทีวีเพลินๆ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างแวบๆ อยู่ทางหางตาแถวๆ ระเบียง จึงหันไปดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรจึงหันกลับไปสนใจทีวีต่อ  ทว่า..! เหตุการณ์ก็ยังคงเหมือนเดิมคือมีอะไรแวบๆ ฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงหันกลับมาดูทีวีอีกครั้งแต่คราวนี้สมาธิของฉันจดจ้องอยู่ที่ระเบียงมากกว่า

เพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ฉันตั้งใจว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าตาฝาดหรือมีคนจงใจจะทิ้งขยะลงมาจากชั้นบน

พลัน!ขนแขนต่างพากันตั้งชันอย่างไม่มีสาเหตุ ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงใบหู เมื่อเป็นเช่นนี้  ฉันจึงเลิกเหลือบตามองแค่หางตาแต่หันไปมองแบบเต็มตาแทน

ภาพที่เห็น คือ..หญิงสาวในชุดขาวพลิ้วไหว ผมยาวดำขลับปิดเลยใบหน้ากำลังลอยจากขวามือไปยังซ้ายมืออย่างช้าๆ

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

...ค่ำคืน...




๐...ในคืนเหงา....
มีความว่างเปล่า เคล้าความหวัง
มีหัวใจของฉันเป็นพลัง
มีความฝันความหลังนั่งร้อยมา

๐....กับคืนนี้....
ที่จะไม่มีความเหว่ว้า
และไม่มีแม้คราบของน้ำตา
จะมีเพียงยิ้มฉาบทา บนหน้าเธอ

~*ฝาก...(นะชอบ..)*~




ฝากนะใจอย่าเรียกคืนไม่ยื่นแน่
ฝากให้แต่ความจริงยิ่งสดใส
ฝากมาเถิดฝากรักฝากเร็วไว
ฝากมาพร้อมสายใยไกลอย่าเลือน

ฝากบทกลอนอ้อนหาเวลาเช้า
ฝากสายลมคอยเฝ้าเย้าคอยเพื่อน
ฝากทุกฝันแม่นมั่นกับดาวเดือน
ฝากคำเอื้อนสร้อยหวานกับลานกลอน

ฝากอย่าลืมอย่าเลื่อนเพื่อนคนใกล้
ฝากรักให้ฟากฝั่งตั้งอักษร
ฝากทุกคำเฝ้าออกบอกอย่าจร
ฝากคำร่ำร่ายอ้อนก่อนนิทรา

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

คืนถิ่นแม่..



อยากกลับไปเยี่ยมเยือนทุกเดือนมา
ให้เหมือนเพื่อนคอยหาใจพาเพ้อ
ทั้งคอยเตือนทุกครั้งยังคอยเจอ
หากละเมอถึงกันมันก็ดี

อย่างที่บอกออกไปใจเรามุ่ง
ใช้ความคิดจิตปรุงได้ทุกที่
คงจะเหมือนสายลมทุกนาที
ดุจเรียงความงามดีไม่มีลน

ใครหนอมาอาลัยยามไกลห่าง
แล้วใครพาใจร้างทางหมองหม่น
จะมุมนั้นมุมนี้มิกังวล
กี่หนาวฝนบ่นหาพ้อหน้าชาย

ใจคะนึงถึงพี่คนนี้นัก
อีกสักพักน้องจะคืนชื่นให้หาย
ได้พูดคุยจนอิ่มยิ้มประปราย
ขอระบายดวงใจให้เบิกบาน

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

~*~* พระคุณครู..*~*~



ร้อยสลักอักษรสุนทรพจน์
ใจกำหนดน้อมนึกรำลึกถึง
แด่อาจารย์ด้วยดวงจิตศิษย์คำนึง
ศิษย์ซาบซึ้งคุณค่าวิชาการ

พระคุณครูผู้ขัดเกลาหลอมเหลาจิต
เป็นแบบศิษย์คอยฝึกหัดบรรทัดฐาน
ให้ฉลาดปราศมืดมนอนธการ
ฝึกสันดานให้ดีงามด้วยน้ำใจ

จากเทียนไขเป็นไฟฟ้าจ้าสว่าง
จากลูกจ้างเป็นนายคนพ้นหม่นไหม้
มีทางทองของขีวิตลิขิตไว้
พบความสุขสดใสสมใจปอง

คล้ายสังคมหมุนเวียนเปลี่ยนตามยุค
ครูเพียรปลุกกายใจให้เราผอง
ในยุคคนบูชาหน้าเหลี่ยมทอง
คุณครูมองปัญหาพาพบพาน

~* รักเธอทั้งหมดของหัวใจ *~




ทุกเวลา ใจเหม่อ เพ้อถึงกัน
จิตไหวหวั่น ค่ำเช้า เฝ้าห่วงหา
ในกมล บ่นพร่ำ ย้ำทุกครา
วันคืนเก่า ไม่มา เจอหน้าเลย

มีคำพูด อีกมาก อยากบอกกล่าว
ทั้งเรื่องราว ความฝัน ปั้นเฉลย
วันเดือนผ่าน กับบางสิ่ง นั้นไม่เคย
ที่จะเผย เอ่ยออก บอกให้ฟัง

~* ฉันดีใจที่มีเธอ *~



เพราะเชื่อใจของพี่ที่รักมั่น
เห็นทุกวันเฝ้าสรรค์คำคลายเหงา
มาวางให้ทุกครั้งข้างเคียงเงา
จนเป็นเราเกิดก่อต่อสายตา

ในโลกหนึ่งซึ่งมีความวกวน
ทุกคนต่างดิ้นรนปนเหนื่อยล้า
ความทุกข์เยือนเหมือนกับกาลเวลา
ผ่านเข้ามาจนท้อก่อดวงใจ

แต่ชีวิตยิ่งผ่านยิ่งได้พบ
ไม่มีจบต้องเจอความหวั่นไหว
ให้เราเก็บมาคิดเสมอไป
ฉันดีใจในวันนี้เมื่อมีเธอ

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

~* เคยไหม...*~



เคยบ้างไหมหัวใจเจ็บแปลบปลาบ
เคยมีคราบน้ำตาใจล้าช้ำ
เคยบ้างไหมหัวใจโดนจองจำ
เคยร่ายร่ำร้องหาคนลาไกล

ต่อให้มีฟ้าห่มบ่มดวงจิต
เอาดวงดาวเฝ้าชิดสนิทใกล้
ต่อให้พี่เอาผ้าล้อมพร้อมด้วยใจ
คนแดนไกลใต้เงาจันทร์นั้นไม่คืน

ก่อนเดินป่าหน้าผาคราเราผ่าน
เคยนอนลานโนนหินข้างดินชื้น
แต่ตอนนี้ไร้เงาเขาเคยยืน
อิงไหล่ซบอกสะอื้นจนขื่นคลาย

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

...๐แก้วไม่ลืม๐....


..ไม่เคยลืมเสียงเย้าเคยเคล้าคลอ
ก็ยังคงจะรออยู่เคียงใกล้
ไม่เคยหลงลืมคำจากดวงใจ
ยามที่พี่เห่ไกวใจชื่นบาน

..เพราะมีไออุ่นรักสลักค่า
เดือนดาราพร่างพราวกล่าวขับขาน
เหมือนแมกไม้ไม่ห่างทางสายธาร
จะเนิ่นนานเพียงใดใจคะนึง

..ดอมกลิ่นกายคล้ายบอกถึงความรัก
จนประจักษ์อกแจ้งแห่งความซึ้ง
หอมเจ้าหอมกลิ่นใดใฝ่รำพึง
หรือพี่จะคิดถึงซึ่งคู่ครอง

..นั่นไงใจเริ่มเผยว่าเคยคู่
จึงรำพึงถึงอยู่ไม่ห่างห้อง
ดั่งมีเงาสาวเจ้าเฝ้าประคอง
พี่เมียงมองจ้องอยู่มิรู้คลาย

..น้องเข้าใจพี่ชายว่าคล้ายน้อง
เคยแอบมองคนใกล้ไม่ห่างหาย
เช้าก็ผ่านเย็นก็เห็นมิเว้นวาย
จวบจนภาพสุดท้ายเธอย้ายไป

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

~*ยามราตรี*~

http://www.bloggang.com/data/f/faviengping/picture/1330943368.jpg


..งามแสนงามยามราตรีที่เยี่ยมเยือน
ดวงดาราคล้อยเคลื่อนเลื่อนเข้าฝัน
อยู่ในซากความลวงห้วงชีวัน
มาบดบังจิตฉันจนหวั่นใจ
ครั้นดวงจันทร์ลอยเล่นเด่นยามนี้
เหนือแผ่นฟ้าราตรีสีสดใส
ก่อนจะกลั่นเป็นน้ำค้างพร่างพรมไพร
ห่มแมกไม้ทุกผืนชื่นชีวิน
เห็นหรือไม่.? แสงสว่างยามเราจ้อง
ได้เมียงมองมนต์ตระการผ่านมิสิ้น
มาขับขานกานท์พจน์ให้หยดริน
ท่ามกลางธารถิ่นสายหมายชื่นชม
เพื่อกล่าวขานกลอนรับปรับไปสู่
ในหมวดหมู่ของนภาคราสุขสม
แสงสวยงามท่ามกลางคลื่นอารมณ์
อยากเสพสมให้สุขทุกข์เลือนไกล
ยามราตรีสีสว่างทางเคยเหยียบ
ไม่อยากเปรียบตามคำเขาย้ำไว้
เมื่อเราก้าวตามฝันฟันฝ่าไป
ทุกข์หรือร้อนกร่อนใจคงไม่มี

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

~* ไยร้าวไหว *~



*ไยวันนี้พี่ตรมระทมหมอง
น้ำตานองรินรดใส่พจน์หรือ
เห็นหมู่เมฆหม่นมัวทั่วไปฤา
นั่นน่ะคือธรรมชาติวาดแต่งไพร

*เมื่อวงแขนล้อมกอดสอดมัดเหนี่ยว
ใครเอาเคียวคอยเกี่ยวให้หวั่นไหว
สุขในอกเมื่อมีอย่าปล่อยไป
ปลดเอาความหมองไหม้อย่าได้เคียง

*ถึงอาลัยอาวรณ์ไม่ได้พัก
เพราะระหว่างความรักมักไร้เสียง
ใจลึกลึกนึกหวั่นมั่นจัดเรียง
แล้วลำเลียงมาส่งตรงไว้ตุน

*หากให้อยู่ตามต้นใบไม้ดอก
พอลมพัดไหวลอกบอกไม่อุ่น
รักหมดแววแถวนอกไร้ทางดุน
ล้อมไอกรุ่นจุนเจือยากเหลือรอย

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

~*เก่าไป ใหม่มา *~

๏ ปีเก่าขยับพ้น           มละหม่นสลายสิ้น
ปีใหม่วิไลจินต์             วรเลิศประเสริฐชนม์
๏ จงสมประดังหวัง      ฐิตะตั้งหทัยดล
บุญจงผลิตผล              สุขะล้นตลอดกาล
๏ ขอคุณพระไตรรัตน์   สิขจัดมลายพาล
หนุนกิจประกอบการ     จิรวารเจริญตน
๏ จงมีฤดีสุข               นิรทุกข์มิหมองหม่น
พรดีประสิทธิ์ดล           สุวิมลนิรันดร์เทอญ ฯ

ที่รัก นิรนาม

ดวงปัญญา..พาชื่น...

ขอบคุณภาพสวยๆ จากอินเตอร์เน๊ต

๏ ขอให้ชื่นชีวาอย่าท้อทุกข์
แม้นหากล้มรีบลุกขึ้นปลุกขวัญ
ปีเก่าผ่านสานต่อก่อใหม่พลัน
ก็แค่วันผ่านแล้วหนอจะท้อไย

๏ จงลุกขึ้นเดินหน้าก้าวขาย่าง
บนเส้นทางถูกตรงสิ้นสงสัย
จงมั่นทำถูกต้องไม่หมองใจ
อย่าอาลัยของเล่นบนเส้นทาง

๏ ชีวิตที่ดีกว่าลืมตาจ้อง
อย่ามุ่นมองเพียงใกล้ไม่พ้นข้าง
เสริมความรู้สู้ชีวิตจิตสอางค์
ลิขิตสร้างทางตนพ้นระกำ

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

***.ความรักคือการให้…คือ ความสวยงามจากหัวใจ...***



















คู่รักที่รักกันมากย่อมต้องมี “การให้”..
มีการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กัน  ไม่ว่าจะเป็น
การให้สิ่งของ การให้ กำลังใจซึ่งกันและกัน
การให้แง่คิดดีๆ ต่อกัน แม้การ  ให้อภัย นั้นก็ย่อมต้องมี..
การรู้จักให้อภัย รู้จัก ยอมรับ ในสิ่งที่ผิดพลาด ของตน
การรู้จักปรับตัวนี้ ทำให้ความรัก..ได้พบกับ
สิ่งที่เหมาะสมในชีวิตคู่  เพราะถ้าหาก
มีแต่ความน้อยใจ และไม่รู้จัก ให้อภัย ย่อมอยู่กันได้ไม่นาน
การที่จะอยู่หรือรักกันให้มีความสุขนั้น ต้องเป็นผู้มีน้ำใจด้วย ..
...ความรักคือการให้..การให้ที่ยิ่งใหญ่คือการให้ด้วยความรัก
ความรักก็เหมือนรอยสัก…งดงาม…แต่เจ็บปวด
บางครั้งความรักก็เกิดขึ้นง่ายจนน่า “ตกใจ”
 และบางที่ก็จากไปง่ายๆจนแทบ   “ทำใจ”   ไม่ทัน
ความรักของฉันกับคุณเหมือนเส้นขนาน
แม้มันอาจจะไม่มีวันมาบรรจบกัน แต่มันจะเคียงคู่กันไปตลอดกาล
คนที่รักเราจริง…ไม่ใช่คนที่คิดว่าเราดีที่สุด…
แต่เป็นคนที่ถึงแม้จะเจอใครคนอื่นที่ดีกว่าเรา…แต่เค้าก็จะยังเลือกเราอยู่ !!! 
ถ้าคุณไม่รักฉันก็ฆ่าฉันเถอะ แทงเข้ามาเลย 
แต่..คุณอาจเจ็บหน่อยนะ เพราะว่าในนั้นมีคุณอยู่
ความรัก สวนทางกับกฎฟิสิกส์

เช้าๆของวันหยุด...





เช้าๆของวันหยุด...สายฝนโปรยปรายมาแต่เช้า พายุเข้าแน่เลย เมื่อวานทางกรมอุตุฯ แจ้งไว้ว่าอากาศเปลี่ยน

แปลงแบบนี้อยู่สามสี่วัน

“โอ๊ย..เบื่อจังเลย จะตกทำไมนักนะ” แม่เปรี้ยวตัวแสบบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะชายตามามองเหมือนรออยู่

“อ้าว!.ตื่นแล้วเหรอ น่าเบื่อนะเจน ฝนตกได้ตกดีอ่ะ..” ฉันอมยิ้ม หึ หึ

“ตื่นมาบ่นแต่เช้านี่ไม่เบื่อรึไงกัน เห็นเปรี้ยวบ่นทุกอย่างที่ไม่ชอบแหละ” แย้งออกไปก็ขำ เพราะสีหน้าแม่เปรี้ยวจี๊ด

“ฮื่อ..ไม่อยากบ่นหร๊อก ! พอดีพอร้ายแล้วนะ แต่เรามีนัดนี่แหละถึงต้องตื่นมานั่งบ่นแต่เช้าน่ะ ”

อ้อ!..มีนัดนี่เอง “ เอาน่าเปรี้ยว เรื่องของธรรมชาติ อย่าบ่นไปเลย ธรรมดาจะตายธรรมชาติจัดสรรนะดีเท่า

ไหร่แล้ว หากฝนไม่ตก พอร้อนก็บ่น หนาวก็ครวญ ฝนตกยังจะไปว่าฟ้าอีก มนุษย์นี่หาความพอดียากอย่างที่เขาว่าจริงๆ 

เชียว”

เดินไปหยิบแก้วตักโกโก้ช้อนครึ่ง กดน้ำร้อนใส่ เดินหายเข้าห้องน้ำออกมาอีกที แม่เปรี้ยวจี๊ดเพื่อนตัวแสบกำลังยกขา

ตะกุยอากาศอยู่หน้าทีวี อิอิ บ่นๆแล้วก็ทิ้ง เป็นแบบเปรี้ยวก็ดีนะ ไม่ต้องมาคิดมากขอให้ได้พูดตามที่ใจคิด สักครู่เรื่องก็

จะถูกลืม เรื่องใหม่เข้ามาแทนที่  ฉันขึ้นไปเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเดินลงมานั่งโซฟา ตามองเปรี้ยวออกกำลัง กายด้าน

หน้าตามทีวี  แต่ให้ตายเหอะ! ฉันแทบสำลักโกโก้ร้อน แม่เปรี้ยว ฮ่า ฮ่า เท้าเธอที่ถีบจักรยานกลางอากาศดันเอามา

ข้างหน้ามากไป เป็นผลให้ขาเธอมายันพื้นไว้แทบไม่ทัน

‘โอ๊ยย..ตายละ ฉันนั่งปิดปากขำ  “ เหวอ.ๆ..เฮ้ยๆ..อูย...เจ็บชะมัดเลย บ้าเอ้ย..”  ลุกขึ้น

มานั่งจับท้ายทอยคลำป้อยๆ น่าสงสาร’

“เจ็บอะ..เจน..ฮือ..”

“ออกยังไง...ระวังอย่าเอาขามาด้านหน้ามากไปซีเปรี้ยว”

“ ก็ไม่อยากให้มาหรอกเจน แต่มันมาเองมันนะ โอ๊ย!..ใครจะอยากเจ็บตัวกันเล่า มานวดให้หน่อยซีเจน เขา

เจ็บมากนะนี่ เคล็ดรึเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ! เวรกรรมแต่เช้าเลยฉัน”

เสียงบ่นยังไม่ห่างจากปากบางนั้นเสียทีเดียวเพราะเธอยกให้เวรกรรมรับผิดชอบไปซะงั้น  ฉันเดินไปนั่งใกล้ๆจับช่วง

คอเธอมาบีบๆ คลึงไปรอบแถวลำคอ

“อูย..เจน ตรงนั้นแหละ ปวดมากเลย”  นวดไปสักพักเสียงเธอก็หายไป ฉันหันไปมองหน้าเธอ เห็นตาเปรี้ยว

อยู่กับจอทีวี สงสัยหายแล้ว ไม่เห็นบ่นแล้วนี่ เธอหยุดนวดเมื่อเปรี้ยวไม่เจ็บอย่างตอนแรก

“อ้าว! เจน หยุดทำไมล่ะ อีกนิดหนึ่งนะ เพื่อนเจนจ๋าๆ นวดให้อีกนิดนร้าๆ"  ดูมันทำเสียงอ้อน ฟังแล้วขนลุก

เลย

“หายแล้วนี่ เห็นเงียบไปก็เลยหยุดซีเปรี้ยว นวดอะไรนักหนา เกิดไปจับผิดเส้นขึ้นมาพิการนะ เรื่องเส้นสายนี่อย่าทำ

เป็นเล่นไป”   ฉันก็บอกเธอไปอย่างนั้นละ แหม!ก็มันเมื่อยนิ้วมือนี่

“ คิดถึง คิดถึง คิดถึ้ง คิดถึง “

เสียงเรียกจากโทรศัพท์เครื่องน้อยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะดังกระชั้น เปรี้ยว หยิบมากดรับ

“ฮัลโหล..ค่ะพี่ภพ..กี่โมงนะคะ ค่ะๆ ๑๐ โมงหน้าโรงหนัง ค่ะได้ค่ะ บายที่รัก จุ๊บๆ”

‘.โห!หวานซะมดเดิ
เช้าๆของวันหยุด...สายฝนโปรยปรายมาแต่เช้า พายุเข้าแน่เลย เมื่อวานทางกรมอุตุฯ แจ้งไว้ว่าอากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้อยู่สามสี่วัน

“โอ๊ย..เบื่อจังเลย จะตกทำไมนักนะ” แม่เปรี้ยวตัวแสบบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะชายตามามองเหมือนรออยู่

“อ้าว!.ตื่นแล้วเหรอ น่าเบื่อนะเจน ฝนตกได้ตกดีอ่ะ..” ฉันอมยิ้ม หึ หึ

“ตื่นมาบ่นแต่เช้านี่ไม่เบื่อรึไงกัน เห็นเปรี้ยวบ่นทุกอย่างที่ไม่ชอบแหละ” แย้งออกไปก็ขำ เพราะสีหน้าแม่เปรี้ยวจี๊ด

“ฮื่อ..ไม่อยากบ่นหร๊อก ! พอดีพอร้ายแล้วนะ แต่เรามีนัดนี่แหละถึงต้องตื่นมานั่งบ่นแต่เช้าน่ะ ”

อ้อ!..มีนัดนี่เอง “ เอาน่าเปรี้ยว เรื่องของธรรมชาติ อย่าบ่นไปเลย ธรรมดาจะตายธรรมชาติจัดสรรนะดีเท่าไหร่แล้ว หากฝนไม่ตก พอร้อนก็บ่น หนาวก็ครวญ ฝนตกยังจะไปว่าฟ้าอีก มนุษย์นี่หาความพอดียากอย่างที่เขาว่าจริงๆ เชียว”

วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

~* เพลงตะวัน *~




๐.ภาสกรผ่องผุดสุดขอบฟ้า
มวลเมฆารายล้อมจะกล่อมขวัญ
เหลืองอร่ามทามคุ้งรุ้งอรัณย์
ส่องสีสันสว่างกลางสายชล

๐.พร่างพรายพลิ้วริ้วคลื่นตื่นตา
เย็นลมพาระยิบไหวไปทุกหน
ดาวเดือนดับลับเมฆดั่งเสกมนต์
นิศาชลพรมพื้นแสนชื่นใจ

๐.เรียวใบไหวหวีดหวิวระลิ่วผ่าน
ร้องขับขานลำนำท่ามน้ำไหล
เห็นโค้งแคบแถบเขินเนินไพร
อยากล่องเรือเที่ยวไปให้สุดตา 

~*เส้นทางรัก*~



~*เส้นทางรัก*~

*มอบความรัก ความภักดี มีมาให้
พร้อมเยื่อใย กับไมตรี อารียิ่ง
ให้ความรัก นั้นแก่เธอ จนหมดจริง
เกลียดทุกสิ่ง ชายทิ้งรัก มาทักใจ

*จำวันนั้นวันที่ฉันนั้นปวดร้าว
กับเรื่องราวหนก่อนเก่าที่เข้าใกล้
ความเหน็บหนาวก็เนิ่นนานผ่านช้าไป
สายลมไหวใจไม่อุ่นกรุ่นอารมณ์

*รักเคยบานหวานก็ซ่านวานนั้นชื่น
ความขมขื่นคอยหยิบยื่นคืนแสนขม
ชีวิตเคยอยู่กับสุขทุกข์หายจม
ใจตรอมตรมคมคำชายที่หมายรอ

*เคยประคองดูแลกันฝันเคียงข้าง
ไม่อ้างว้างสร้างปลูกรักไม่พักท้อ
หมั่นรดน้ำพรวนดินเคล้าเฝ้าใต้กอ
เกิดเป็นต้นพ้นดินรอก่อรูปใจ

*เมื่อต้นสูงดูโดดเด่นเป็นสง่า
เติบโตมาจากความรักปักเอาไว้
เฝ้าถนอม กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูใบ
เอาใจใส่ไม่เคยห่วงทิ้งช่วงนาน

*หรือว่าโดนสวรรค์นั้นกลั่นแกล้ง
คว้าดวงใจเขาไปแบ่งจนยากสาน
หลอกให้เราปลูกต้นรักอยู่ที่ลาน
กามเทพแผลงศรผ่านหน้าบ้านเรา

*ใจจริงจริงอยากได้รักมากักอยู่
เพื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงแห่งความเหงา
อยากมีวันที่ระรื่นชื่นบางเบา
ใยตัวเขาเข้ามาเผยเอ่ยเป็นนัย

*หรือว่าลืมคืนแสนสุขทุกข์คลอเคล้า
เพียงมีเราเศร้าก็ลอยถอยไม่ใกล้
นี่จะลากันสักคำยังจนใจ
ทิ้งสัมพันธ์ฝันร่วมใฝ่ไร้ปราดเปรียว

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

~*สวัสดีปีมะเส็งค่ะ...*~





พรนี้มีมนต์ขลังพลังจิต
เป็นนิมิตสิทธิโชคมหาศาล
จงไพบูรณ์พูนเพิ่มลาภตระการ
อายุยั่งยืนนานนับล้านปี
ให้สุขสันต์แสนชื่นชุ่มดวงจิต
จงสถิตชิดอยู่คู่วิถี
จงปลอดทุกข์ปลอดโรคโชคดี
ตลอดปีมีแต่สุขทุกคืนวัน
เพราะเป็นวันที่ดีปีใหม่จัด
เพิ่มสมบัติยศสุขเกษมสันต์
ลาภท่วมฟ้ามากล้นพ้นอนันต์
มิคลาดกันพลันสถิตมิ่งมิตรใจ
Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background