Translate
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556
ห้องเช่าวิญญาณหลอน..
ห้องเช่าวิญญาณหลอน..
เมื่อปี ๒๕๔๕ ดิฉันได้ทำงานประจำที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถบชานเมือง เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ดิฉันจึงย้ายออกจากบ้านไป เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่คนเดียว ซึ่งการเดินทางต้องใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที
อพาร์ทเม้นต์ที่ฉันเช่าพักเป็นตึก ๔ ชั้น ตั้งอยู่ในซอยลึกและตัน ทางด้านซ้ายมือติดกับที่รกร้าง มีต้นกระถินขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ แถมข้างๆ มีศาลเก่าๆ ที่มีคนนำมาทิ้งทับถมไว้เป็นจำนวนไม่น้อย ส่วนด้านขวามือเป็นลานจอดรถและถัดไปคือกำแพงกั้นของหมู่บ้านจัดสรร
ฉันได้ห้องเช่าที่อยู่ทางฝั่งพื้นที่รกร้างเกือบริมสุดด้านขวาของชั้นสาม ฉันย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้ได้เพียงสามวัน โดนคนมางัดห้องเข้ามาทางระเบียง ตอนนั้นฉันเลยขอย้ายห้อง
บังเอิญเพื่อนที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน เธอพักอยู่ชั้นสอง เมื่อทราบเรื่อง เธอก็มาช่วยพูดกับคนดูแลตึกเพื่อขอให้ฉันได้ย้ายไปอยู่ชั้นเดียวกับเธอ แต่เป็นห้องที่อยู่ติดกับบันได ซึ่งระเบียงห้องก็ติดกับห้องนอนของเธอ ฉันก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องนั้น
หลังจากย้ายของทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย ฉันก็จัดการอาบน้ำเพื่อจะได้หาอะไรกิน...ขณะที่เปิดทีวีและกินข้าวไปพร้อมๆ กันนั้น รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรปลิวจากระเบียงเข้ามาในห้อง เมื่อฉันลุกขึ้นเดินออกไปดู ปรากฏว่าเป็น...
ใบปลิวของหนังเรื่อง..”คนเห็นผี”
ตอนนั้นฉันไม่คิดหรอกว่าจะมีคนมาแกล้งหรือเปล่า อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
ฉันจึงขยำกระดาษแผ่นนั้นไปทิ้งถังขยะแล้วล้างมือเดินกลับไปนั่งกินข้าวดูทีวีต่อ
กำลังนั่งดูทีวีเพลินๆ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างแวบๆ อยู่ทางหางตาแถวๆ ระเบียง จึงหันไปดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรจึงหันกลับไปสนใจทีวีต่อ ทว่า..! เหตุการณ์ก็ยังคงเหมือนเดิมคือมีอะไรแวบๆ ฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ จึงหันกลับมาดูทีวีอีกครั้งแต่คราวนี้สมาธิของฉันจดจ้องอยู่ที่ระเบียงมากกว่า
เพียงเวลาไม่กี่วินาทีที่ฉันตั้งใจว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าตาฝาดหรือมีคนจงใจจะทิ้งขยะลงมาจากชั้นบน
พลัน!ขนแขนต่างพากันตั้งชันอย่างไม่มีสาเหตุ ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงใบหู เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจึงเลิกเหลือบตามองแค่หางตาแต่หันไปมองแบบเต็มตาแทน
ภาพที่เห็น คือ..หญิงสาวในชุดขาวพลิ้วไหว ผมยาวดำขลับปิดเลยใบหน้ากำลังลอยจากขวามือไปยังซ้ายมืออย่างช้าๆ
ฉันนั่งนิ่งๆ เกือบไม่หายใจ รู้สึกว่าร่างกายจะเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ แขนขาไร้สิ้นเรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย ได้แต่มองภาพนั้นค่อยๆ ลอยหายไปอย่างช้าๆ
เมื่อเธอคนนั้นหายลับไปจากสายตา สติฉันก็เริ่มกลับมา ตอนนี้ใบหน้าและแก้มฉันมันคงดูไม่ได้เพราะมีแต่น้ำตาแห่งความกลัวไหลลงมาโดนแขนเต็มไปหมด
นาทีนั้นฉันนึกอะไรไม่ออกแต่ที่ทำต่อมาคือ คว้ากุญแจห้องแล้ววิ่งไปเคาะห้องของเพื่อนข้างๆ ตอนนั้นน่าจะประมาณเที่ยงคืน
เพื่อนฉันเปิดประตูออกมาถามว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันไม่กล้าบอกความจริงกับเพื่อนได้แต่ส่ายหัว..ก่อนจะแทรกตัวเดินเข้าเพื่อน
“ฉันนอนไม่หลับน่ะ พอดีฝันร้าย เลยไม่กล้านอนคนเดียว “
เพื่อนของฉันก็ดีใจหาย ตอนนี้แฟนของเธอออกไปเล่นสนุ้กที่หน้าปากซอย เดี๋ยวจะไปนอนเป็นเพื่อน เมื่อฉันเดินกลับไปที่ห้องทีวีกับไฟในห้องก็ยังเปิดอยู่เพราะว่าก่อนไปฉันใส่เกียร์สุนัขชนิดไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเพื่อนเข้ามานอนด้วย ฉันก็ใจชื้นขึ้นมาก หลังจากคุยกันไปเรื่อยเปื่อยได้สักระยะ เราก็เข้านอนโดยไม่ลืมปิดประตูตรงระเบียงเพื่อความอุ่นใจและปลอดภัย ฉันเผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง
ฉันหลับไปนานแค่ไหนไม่ทราบ มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่เธอปลุกให้ลุกไปนอนต่อที่ห้องของเธอ ฉันก็ไม่ปฏิเสธเดินตามเพื่อนทันที แต่ พอเธอเปิดประตูห้อง พระพุทธรูปองค์ใหญ่บนหลังตู้เสื้อผ้าเกิดหล่นลงมาแตกเป็นสามส่วน เพื่อนของฉันจึงโทรฯ ตามแฟนให้กลับมา
พอแฟนเธอมาก็กระซิบกระซาบกับแฟนครู่หนึ่ง จากนนั้นแฟนของเธอก็ได้นิมนต์พระพุทธรูปที่หล่นเสียหายนั้นไปไว้ในป่ารกร้างข้างตึก กลับขึ้นมาเอาน้ำมนต์ในห้องไปปะพรมห้องของฉัน
*โปรดติดตามตอนต่อไป วันนี้มืดแล้ว กลัวเหมือนกันค่ะ อิอิ
เพื่อนบอกให้ฉันกลับไปนอนที่ห้องของเธอ ฉันปฏิเสธ เพื่อนฉันเลยชวนแฟนเธอว่าจะนอนเป็นเพื่อนฉันได้ไหม? เขาก็บอกมาเลยว่า “เข้าใจ”มีอะไรก็ไปเรียกแล้วกัน
เราสองคนกลับเข้านอนหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน ฉันตื่นมาอีกทีก็ตอนตี ๔ ตี ๕ ฉันอุ่นใจว่าใกล้จะสว่างแล้วแต่แสงที่รอดผ่านมาทางระเบียงทำให้ฉันต้องขนลุกเพราะมีเงาดำเป็นจำนวนมากอยู่ในห้อง ฉันพยายามจะเพ่งตาดู แต่เหมือนม่านตามันเปิดไม่เต็มที่ ไม่นานนักร่างกายก็ขยับไม่ได้
ฉันเข้าใจในทันทีว่าคงโดนผีอำ ฉันท่องบทสวดมนต์แต่ไร้ผล แล้วเหตุการณ์ชวนสยองก็เกิดขึ้น
เงาดำหนึ่งในนั้นลุกขึ้นลอยเหนือพื้นพุ่งมาหาฉัน เอามือกดหน้าอกฉันไว้...
ตอนนั้นฉันทั้งร้องทั้งตะโกนออกไปสุดเสียง ให้เพื่อนช่วย แต่ไม่มีวี่แววว่าเพื่อนจะได้ยิน คราวนี้ฉันตั้งสติใหม่ เริ่มบทสวดมนต์อีกครั้งแต่ไม่จบสักบท ในใจคิดอย่างเดียว สงสัยคงจะไม่รอดแน่แล้ว หายใจยากเต็มทีแน่นหน้าอกมาก
ตอนนี้ฉันเริ่มคิดถึงพ่อกับแม่ ใจนั้นนึกแต่หน้าแม่ อยากกอด อยากหอมเหมือนทุกครั้งที่เจอ ต่อไปลูกคงไม่ได้เจอแม่แล้วแน่ๆ เลย คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้งครองแม่หนูด้วยเถิด เจ้าพระคุณ..พอมาถึงตรงนี้ฉันยกมือขึ้นพนมไหว้เหนือหัวเหมือนทุกครั้งที่ไปวัดแล้วจบลงด้วยการยกมือพนมลูบผมตนเอง...!
ฉันสมมารถยกมือได้.?ฉันเอามือทั้งสองจิกลงไปบนท่อนแขนวิญญาณตนนั้นเต็มแรงจนผงะหายไป
จากนั้นก็มีเงาหญิงสาวในชุดขาวเข้ามายืนใกล้ๆ ฉันอีก
โอ้.!เธอเอามือบีบคอฉันทันที คราวนี้แย่กว่าเมื่อกี้มาก เพราะแรงบีบทำให้ฉันหายใจไม่ออกจนน้ำตาไหล ฉันได้แต่ภาวนาให้พรของแม่ที่ให้ฉันเสมอช่วยฉันให้พ้นจากผีตนนี้ทีเถิด “สาธุ ”
ราวปาฏิหาริย์ ฉันหลุดจากการโดนผีอำ ตะโกนสุดเสียงให้เพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ จนเธอกับแฟนตื่นแทบจะพร้อมกัน จากนั้นแฟนเพื่อนก็เดินไปเปิดไฟแล้วหันมาพูดกับฉันว่า
“ไม่มีอะไรแล้วนะ เขาไปกันหมดแล้ว”
สภาพของฉันตอนนั้นเหงื่อเต็มตัวเต็มหน้าไปหมด มือเย็นจนซีดเพราะความตกใจ เพื่อนจึงนอนกุมมือฉันจนเช้า
รุ่งเช้าหน้าฉันคงดูแย่เอามากๆ รู้สึกตัวเบาๆ อิดโรยจากเหตุการณ์เมื่อคืน..เพื่อนฉันเล่าว่าตอนที่นอนในห้องของฉันนั้นมีผู้หญิงมาเข้าฝันบอกให้เธออกไปจากห้อง แต่ห้ามพาฉันไปด้วย เธอไม่ยอม
พออีกคืนต่อมาเธอก็ขอแฟนเธอว่าให้ฉันมานอนด้วยทุกคืนได้ไหม ไม่อย่างนั้น สักวันคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกันฉันแน่ๆแฟนของเธอก็ยอม
ทุกคืนหลังกลับจากเล่นสนุ้กก็อาบน้ำลงไปนอนข้างเตียง รู้สึกเหมือนมีคนพยายามดึงขาแต่คงจะง่วงจัดและเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวอะไรจึงสลัดขาแรงๆ แถมขู่ว่า “ถ้ามาดึงอีกเดี๋ยวจะเตะให้ลืมหลุมเลย “
ฉันฟังเขาเล่าให้ฟังก็อดขำไม่ได้ แต่ทว่ามันขำไม่ออกเอาเลย..
ฉันจำใจทนอยู่ห้องนั้นจนครบสามเดือนเพราะไม่มีห้องอื่นว่างให้ย้ายไปอีก ในระหว่างนั้นฉันเอาผ้ายันต์ไปติดไว้ทั่วห้องเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณเหล่านั้นมารบกวนฉันอีก แล้วฉันก็ย้ายออกจากอพาร์ทเม้นต์นั้นมาอยู่อีกตึกหนึ่งที่เพิ่งจะสร้างเสร็จ ห่างจากตึกเก่ามาแค่ ๕๐๐ เมตร
พวกคุณคงจะคิดว่าฉันย้ายมาอยู่ที่ใหม่คงไม่เจออะไรแบบนั้นอีก...
แต่พวกคุณคิดผิด...!
๒๑/๐๑/๕๖
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น