ความเดิมตอนที่แล้ว
“เราจะเริ่มละนะวีรนุช ทำตามฉันนะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นห้ามเอามือออกจากเหรียญเข้าใจนะ”ศิลาเตือนความจำให้ เพื่อนอีกรอบ ก่อนจะใช้นิ้วแตะไปที่เหรียญ และวีรนุชก็เอามือแตะตามอย่างว่าง่าย
“ท่านวิญญาณ หากท่านอยู่แถวๆ นี้ ขอเชิญมาสถิตยังเหรียญนี้ด้วยเถิด”
สิ้นคำของศิลาก็ไม่มีอะไร แสงเทียนยังคงส่องแสงสว่างนวลตา
กึก..
คุณพระช่วย! เหรียญเริ่มหนักทั้ง ๆ ที่หล่อนและศิลาเพียงแค่แตะไว้เฉยๆ
“อุ๋ย..! ขยับแล้ว มันเคลื่อนที่แล้ว” เสียงของรตากับปภาวดีที่จดจ้องร้องบอกเบาๆ
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”วีรนุชเอ่ยออกมาบ้าง
“จุ๊ๆ เงียบ”ศิลาดุเบาๆ
รตาและปภาวดีต้องรีบกลืนคำที่อยากเปล่งออกมา ส่วนวีรนุชเหงื่อตกใบหน้าเริ่มถอดสี
“กรุณาตอบคำถามของพวกเราด้วยเถอะ” ศิลาวิงวอน “ท่านเป็นวิญญาณคนหรือไม่”
คนทั้งสี่กลั้นใจรอคำตอบ สักครู่เหรียญเริ่มขยับพานิ้วทั้งสองไปตามช่อง
“ใช่”
รตาหันหลังมองกลับไปยังประตู ขณะนั้นแดดอ่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นแดดผีตากผ้าอ้อมแล้ว ความวังเวงเริ่มปกคลุมไปทั่วห้อง ก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เดิม
“เป็นคนไทยหรือเปล่า?”ศิลาถามต่อ
เหรียญลากไปที่ช่อง“ใช่”
“เป็นหญิงหรือชาย? ”ศิลาถามต่ออีก
เหรียญลากทั้งสองไปที่ตาราง หญิง
“อายุเท่าไหร่?”สิ้นคำของศิลาเหรียญเริ่มขยับเร็วขึ้น และลากไปที่เลข ๑ กับเลข ๗
“อะไรกัน ! ๑๗ ปีเองรึนี่ แล้วชื่ออะไรล่ะ? ”เหรียญขยับเร็วเมื่อพทั้งสองไปที่ช่องอักษร
บนแผ่นตารางทีล่ะตัว
“นิลนาถ ปานน้อย”ศิลาอ่านตามที่รตาจดให้ท่ามกลางแสงเทียนเงียบๆ
“ใช่”ฟังคำตอบนั้นแล้วทุกคนมองหน้ากัน
ทว่า! ยังไม่ทันจะถามต่อ เหรียญก็เริ่มขยับ
“เหรียญมันขยับเอง”
วีรนุชตกใจกับภาพตรงหน้า สายตาจับจ้องไปที่เหรียญ ที่ศิลากับหล่อนวางนิ้วลงด้วยกัน แล้วลากพาไปโน่นมานี่ตามอำเภอใจ
รตากับปภาวดีก็ตั้งหน้าตั้งตาจดอักษรตามอย่างระทึก
“ฉันเหงา ฉันอยากมีเพื่อน”เหรียญยังขยับบอกไปเรื่อย
“เหงาหรือ? ”ศิลาทวนถามด้วยใบหน้าซีดเผือด
“เพื่อน เพื่อน! ”เหรียญขยับต่อ
วีรนุชทำตาโต เหงื่อชุ่มมืออีกข้าง ใจเต้นเหมือนกลองมารัวในอกไม่แพ้เพื่อนสองคนนัก
“เพื่อน เหงา หมายความว่าไงกัน?”วีรนุชกระซิบถามศิลาที่เงยหน้ามองสบตามาพอดี
“ไม่รู้สิ”คำตอบกลับมานั้นก็งุนงงไม่ต่างกัน “ท่านนิลนาถ ท่านตายมากี่ปีแล้วล่ะ”ศิลาถามด้วยความอยากรู้
เหรียญขยับไปตามคำถาม “๖ ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๖ เดือนตุลา”
“ทำไมถึงตายล่ะ ในเมื่ออายุท่านยังน้อยนัก แค่ ๑๗ เอง”ปภาวดีถามมั่ง
เหรียญพาไปที่อักษร “ป่วย”คราวนี้เหรียญเริ่มขยับช้าลง “ที่นี่”
เมื่อเหรียญหยุดตรงอักษรคำนั้น ทั้งหมดก็ต่างเงยหน้าขึ้นจ้องมองกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ตุบ ตุบ
เสียงฝีเท้าใคร?
ปัง...
ประตูถูกกระชากปิดอย่างแรง
“โอ๊ะ!.”
เสียงอุทานดังมาจากริมฝีปากบางของวีรนุช ที่แทรกมาพร้อมกับประตู แสงสลัวของเทียนไขที่สาดส่อง ทำให้รู้สึกเหมือนมีเงายืนทาบอยู่กับแผ่นหลัง ความยะเยือกเริ่มเกาะกุมหัวใจ ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ไร้สรรพเสียงใดๆ จะมีก็เพียงแค่ลมหายใจของทั้งสี่คนเท่านั้น
หญิงสาวพยายามตั้งสติให้มั่นคง
“ไม่ต้องตกใจนะ แค่เสียงธรรมดาน่ะ มักจะเกิดขึ้นในที่ที่มีวิญญาณอยู่เสมอ”ศิลากระซิบบอกเพื่อนเบาๆ ก่อนจะละสายตาไปที่เหรียญ
“เสียงฝีเท้าที่ดังด้านนอกนั่นเป็นท่านใช่ไหม? ”ศิลาถามต่อ
เหรียญขยับไป “ใช่”แต่ยังขยับต่อไปแม้ไม่มีคำถาม
“นิลนาถ วีรนุชเพื่อนของฉัน”เหรียญขยับไปตามอำเภอใจ
“เพื่อนเหรอ? ละ แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ”ใบหน้าวีรนุชถอดสีจนซีดเผือด ขาเริ่มสั่น ประสาทเริ่มตึงเครียด เขม็งเกลียวขึ้น เส้นขมับปูดโปนจนเต้นระริกด้วยความกลัว
“หรือว่า..ท่านคิดจะครอบครอบร่างกายของวีรนุช?”ศิลาตั้งสติได้ถามต่อ และเหรียญก็ลากไปที่อักษร
กึก..!
“ใช่”
“ว๊าย !”เสียงของวีรนุชเปล่งออกมาด้วยความตกใจอีกรอบ
“เงียบๆ อย่าเอานิ้วออกนะ”ศิลากำชับเสียงเครียด อกใจระทึกไปหมดกับคำตอบกลับมา “ทำไม เพราะท่านเหงาหรือ?”
เหรียญเริ่มลากไปอีก “ใช่”
“ท่านต้องการตัววีรนุชเหรอ?”ศิลารุก
แต่...ต้องชะงัก เมื่อวีรนุชตะโกนและทะลึ่งร่างลุกพรวดขึ้นอย่างเร็ว เหมือนเป็นการให้ระงับทุกสิ่งลง ร่างกายนั้นสั่นสะท้านเหมือนลูกนกต้องลมหนาว
รตากับปภาวดียกมือปาดเหงื่อที่ชื้นตามหน้าผาก แล้วจ้องมองวีรนุชที่ยืนหอบจนตัวโยนด้วยความตกใจ
ทันใดนั้น...
ผลัวะ...?
โปรดติดตามตอนต่อไป
เงาบุหงา