รุ่งเช้าอีกวัน ที่ห้องเรียน
วันนี้วีรนุชรีบมาแต่เช้าเพื่อจะได้นั่งจดและทบทวนการเรียนของเมื่อวาน จากสมุดที่ปภาวดีเอื้อเฟื้อเตรียมไว้ให้ ในระหว่างนั่งอ่านและทบทวนนั้น เพื่อนๆคนอื่นๆ ก็ทยอยเดินเข้าห้องมาเรื่อยๆ
สักครู่ ก็เงยหน้าขึ้นดูเพื่อนๆ ที่ต่างก็จัดการกับโต๊ะของตัวเอง บางคนหยิบหนังสือเรียนออกมาเตรียม
หากย้ายกลับที่เดิม ทุกคนจะรู้หรือเปล่านะ?
วีรนุชนั่งครุ่นคิดไปด้วยสีหน้ากังวล ถามเองตอบเองอยู่คนเดียว
บ้าจังเลย เป็นอะไรรึเปล่านะเรา ขืนบอกใครไป เขาคงจะหัวเราะเอาแน่ๆ
ส่ายศีรษะแรงๆ ก่อนจะก้มลงเก็บสมุดที่จดเสร็จแล้ว เดินนำไปส่งคืนปภาวดีหัวหน้าชั้นที่เพิ่งจะมาถึงหวุดหวิด ไล่ๆ กับอาจารย์ที่เดินตามเข้ามาพอดี
“นักเรียนตรง ทำความเคารพ”
เสียงดังฟังชัดกับหน้าที่ที่ได้รับ วิชาแรกของวันก็เริ่มขึ้นด้วยความสงบและผ่านไปด้วยดี
เมื่อพักเที่ยงวันนั้น วีรนุชทานอาหารตามปรกติกับเพื่อนๆ น่าแปลก ที่ไม่มีใครถามถึงเรื่องเมื่อวานสักคน ทุกคนทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องอย่างนั้นแหล่ะ และวีรนุชก็ไม่สนใจเหมือนกัน แต่กลับรู้สึกดีเสียอีก ที่ไม่ต้องมานั่งตอบและเล่าในสิ่งที่อาจจะไม่มีใครเชื่อ ดีไม่ดีทุกคนจะหาว่าบ้าเสียเปล่าๆ
ช่วงบ่ายวันนี้ เป็นวิชาวอลเลย์บอล ตามด้วยว่ายน้ำ โชคดีมากที่วันนี้อากาศไม่ร้อนเท่าไหร่ และฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกเหมือนเมื่อวาน
อาจารย์เอกสิทธิ์ที่สอนวิชาพละก็หล่อเท่ระเบิดมาด้วยเสื้อทีเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นเข้าชุดทีเดียว
เมื่อลงไปที่สนาม อาจารย์ก็ให้เราแยกกันเป็นสองกลุ่มเช่นเคย แล้วสลับคนตบจากอาทิตย์ที่แล้วให้รอสำรอง ให้คนที่สำรองจากอาทิตย์ที่แล้วลงมาตบแทน ที่เหลือนั้นระหว่างรอก็ตบเล่นกันไป
ปี๊ดดด...
เสียงนกหวีดดังเป็นสัญญาณหยุด“เอาล่ะนักเรียน พอแค่นี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนต่างช่วยกันคนล่ะไม้ละมือเก็บลูกใส่ตะกร้านำไปเก็บที่ห้องพักจนเรียบร้อยดีแล้ว ทุกคนก็กลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าตามปรกติ ก่อนจะกลับไปรวมตัวกันที่ห้อง เพื่อต้อนรับคุณครูวิชาต่อไป
------------------------
“นักเรียนตรง ทำความเคารพ”
เมื่ออาจารย์วิมลเดินเข้ามาในห้อง สายตาจ้องมองมาที่โต๊ะ ๔ ริมหน้าต่าง วีรนุชเห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าของท่านถอดสีซีดเผือด ปากอ้าค้างอยู่เป็นครู่ ก่อนจะเดินไปยืนหน้ากระดานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“นักเรียนไปเปลี่ยนชุดนะ เมื่อเสร็จแล้วก็ลงไปพบกับครูที่สระ”เท่านั้นท่านก็เดินออกไป“
อ้อ..อย่ามัวโอ้เอ้กันล่ะ ชั่วโมงเรียนน้อยๆ อยู่”ยังหันมากำชับอีกรอบ
วีรนุชและเพื่อนๆ คว้าเป้และกระเป๋าได้ก็เดินตามออกไปที่ห้องเปลี่ยนชุดทันที
ทุกคนเดินลงไปสมทบกันที่ขอบสระตามเวลาที่คุณครูบอก อากาศตอนนี้ไม่มีแดดให้แสบผิว แสนสบายตา แต่พอใช้เท้าไล้น้ำที่ล้นขอบลงท่อทิ้งดู แหม..มันเย็นจับขับขั้วหัวใจเหมือนกัน
คุณครูทำสัญญาณให้ลงสระได้ และคอยยืนคุมอยู่รอบๆ อย่างใกล้ชิด
รตาลงสระด้วยการกระโดดลงจากแผ่นกระดานข้างขอบด้วยท่วงท่าสวยงาม
คนอื่นๆ ก็ว่ายตามท่าที่ชอบ วีรนุชไม่ได้ออกไปว่ายกลางสระตามเพื่อนๆ บางคน แต่เลือกเดินวาดแขนขาตรงช่วงน้ำตื้นแทน
เมื่อเวลาใกล้จะหมดคุณครูก็ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงนกหวีดอีกครั้ง
ปี๊ดดด....
“เอาละ ทุกคน หมดชั่วโมงเรียนแล้วจ้ะ”ครูวิมลบอกทั้งสายตามองดูนักเรียนทยอยกันขึ้นจากสระจนครบ “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมลงวิชาต่อไปได้เลยนะ”
เสียงเจี้ยวจ้าวดังขึ้นที่ห้องแต่งตัว บางคนก็กระเซ้าเย้าแหย่กันเป็นที่สนุกสนาน ใบหน้ายิ้มแย้ม คนไหนเสร็จแล้วก็นั่งใส่ถุงเท้าต่อตรงนั้น
“นี่ๆ ทุกคนต่อไปเป็นชั่วโมงเคมีของคุณครูประเวชนะ อย่าช้าล่ะ”เสียงรตาร้องเตือนอย่างห่วงๆ
“นั่นสิ..งั้นเราไปก่อนนะ”เสียงโต้ตอบกันระหว่างเพื่อนๆ ทำเอาวีรนุชใจหายวาบ
ชั่วโมงที่หกอีกแล้วรึ?
แต่ก็พยายามไม่คิดอะไร มือก็รีบใส่เสื้อและกระโปรงอย่างเร่งด่วน..
เพราะ..เพื่อนต่างก็ทยอยกันเดินออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่ง
‘ว๊าย..เหลือเราคนเดียวรึนี่ โอ้ยยายวี มัวแต่อืดอาดอะไรอยู่นี่..’นึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ มือก็ล้วงเข้าไปที่ในเป้ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาแล้วเดินตรงไปที่ก๊อก จ่อหัวเข้าที่อ่าง มือก็เอื้อมไปหมุนวาวให้น้ำไหลลงผ่านเส้นผม ใจก็คิดไป
‘ต้องรีบหน่อยล่ะ’
น้ำที่เปิดดังซ่า ซู่กลบสรรพเสียงรอบด้านหมด มือไขว่คว้าขวดแชมพูมาเทใส่มือขยี้จนมีฟองเต็มหัว วีรนุชหลับตาลงใช้มือไล้ไปทั่วๆ เพื่อล้างให้ฟองหมดไป
เอ๊ะ ! เสียงคนเดิน..
เสียงนั้นชัดขึ้นทุกทีๆ
ใครเข้ามา?
วีรนุชรีบเอามือลูบน้ำและฟองที่หน้าออกทันที เมื่อคิดว่าพอจะมองได้ สายตากวาดดูไปด้านหลังโดยที่ไม่หันไปทั้งตัว ก็เห็นขาขาวๆ ที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักบนพื้นที่น้ำเอ่ออยู่
“รอเดี๋ยวนะ จะเสร็จแล้ว”ร้องบอกแล้วรีบใช้มือขยี้ๆ ให้หมดฟองเร็วๆ
“ฮ้า..! เสร็จแล้วจ้ะ”ร้องบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ มือคว้าผ้าขนหนูที่วางมาคลุมซับๆ ก่อนจะตวัดขึ้นด้านบนและหมุนร่างมาเผชิญหน้ากับเพื่อน
ไม่มีใคร...?
เราไม่ได้ยินเสียงประตูเปิด...
ความจริงต้องได้ยินเสียงประตู...
เมื่อกี้เราก็เห็นขานี่นา...!
ความรู้สึกตอนนี้หนาวยะเยือกจนต้องยกมันขึ้นมากอดกระชับทรวงอกเอาไว้ หัวใจสั่นและเต้นไม่เป็นจังหวะ
ไม่น่า..
ผล๊ะ..
“วีรนุช! “น้ำเสียงที่เรียกบอกอาการประหลาดใจ เมื่อวีรนุชโผเข้ามาหา
“ปภาวดี เมื่อกี้นี้ฉันเห็นขาคน แต่ไม่มีใครอยู่เลย และที่โต๊ะเรียนก็เห็นมีเงาคน”วีรนุชผวาเข้ากอดแขนเพื่อนเอาไว้ ปากร้องบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ฉันเห็นเธอยังไม่เข้าห้อง ก็เลยออกมาดู วีรนุช เธอเป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดเชียว”ปภาวดีถามเพื่อนอย่างตกใจที่เห็นอาการนั้น
แต่วีนุชเริ่มเอะใจขึ้นมาเมื่อทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพื่อนๆ และคุณครูแสดงออกอย่างไม่ตั้งใจ
อา.ให้ตายเถอะ.หล่อนโดนผีหลอก!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
เงาบุหงา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น