Translate

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

*****ดวงตาอาฆาต ๔*****



เพียงครู่เดียว เมื่อหมดชั่วโมงเรียนของคุณครูจินตนาแล้ว

วีรนุชก็หยิบสมุดพกออกมาจากกระเป๋า เพื่อจดบันทึกประจำวันเก็บไว้ ก่อนสายตาจะเห็นว่าหัวหน้าชั้น หรือ ปภาวดีเดินเข้ามาหาหาที่โต๊ะ

“วีรนุช เธอไม่ควรนั่งที่โต๊ะนี้นานนะ”ปภาวดีเตือนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

คราวนี้วีรนุชเงยหน้าขึ้นจากสมุดพกขนาดจิ้ว

“อ้าว ทำไมล่ะ? แล้วทำไมทุกคนถึงดูซีเรียสกับโต๊ะตัวนี้นัก ”วีรนุชอดจะถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้

"เฮ้อ.”เสียง ถอนหายใจดังมาจากปากของปภาวดี ก่อนจะจับเก้าอี้ให้หันมาประชันหน้ากัน

“เอ๋..หากว่าฉันบอกกับเธอไป เธอจะเชื่อไหมนี่?”ปภาวดีพูดเหมือนถามกับตนเอง

“เอาเถอะนะวีรนุชอย่างน้อยๆ เธอก็ควรย้ายออกก่อนจะถึง ชั่วโมง ตอนบ่ายนะ”ปภาวดีย้ำอีกครั้ง

“มันจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ปภาวดี”วีรนุชอดถามย้ำไม่ได้เหมือนกัน แต่ปภาวดีก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปนั่งต่อที่โต๊ะของตัวเอง

วีรนุชคิดไม่ตก จนกระทั่ง หมดเวลาพักเที่ยง และเริ่มชั่วโมงเรียนตอนบ่าย

ช่วงนั้นเอง..

ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาเฉยๆ

หล่อนนั่งสั่นสะท้าน มือสองข้างยกขึ้นมากอดอกเอาไว้เผื่อว่าบางทีจะทำให้ร่างกายหายสั่นได้บ้าง

เอ๊ะ ! หรือว่าเป็นหวัด? มันหนาวจังเลย แถมยังคลื่นไส้อีก

*ให้ย้ายก่อน ช ม เรียนตอนบ่ายนะ?

เสียง ของปภาวดีแว๊บขึ้นมาในสมอง วีรนุชก็ยังไม่เข้าใจ ตอนนี้ใบหน้าหล่อนคงจะซีดเซียว ส่งสายตามองกวาดไปทั่วทั้งห้อง มันช่างเงียบวังเวงราวกับป่าช้าทีเดียว แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ นั่งเรียนอยู่ไม่ห่างนัก แต่วีรนุชก็รู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ทุกคนไม่มีใครมองมาเลย

พอเข้า ชั่วโมง ที่หก อาการก็เหมือนจะรุนแรงขึ้น ใจเริ่มสั่นหวิวเหมือนจะเป็นลม เหงื่อเต็มหน้าผากมน ดวงตาล่องลอยเคว้งคว้างเหมือนไม่รับรู้สรรพสิ่งรอบข้าง

“วีรนุช”เสียงของอาจารย์นิยมเรียกเมื่อเห็นอาการผิดปรกติของลูกศิษย์

“ค๊ะ..! อาจารย์”หญิงสาวขานรับคำของอาจารย์ แต่ร่างกายและน้ำเสียงก็ยังคงสั่นจนทำให้เพื่อนๆ หันมามองเป็นตาเดียว ด้วยความหวาดหวั่นอย่างเปิดเผย

และไม่เว้นกับรตา คนที่นั่งเรียนคู่กันด้วย วีรนุชไม่สนใจอะไรแล้ว เสียงหัวใจย้ำบอกแต่คำว่า ให้อดทนอีกนิดเดียว ใกล้จะหมด ชั่วโมง เรียนแล้ว ต้องอดทนนะ อีกนิดเดียว

วีรนุชวางปากกาที่เพิ่งจับมาถือเมื่อสักครู่ลงแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหน้าเบาๆ

ในตอนนั้น...

ให้ตายเถอะ..!มีความรู้สึกว่ายะเยือกที่แผ่นหลัง เหมือนมีเงาของใครที่ไม่รู้จักยื่นมือมาโอบกอดเอาไว้ ทั้งเอนหัวมาซบไหล่อย่างสนิทสนม

วินาทีนั้นร่างกายก็ชะงักงัน ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะเอื้อมมืออันสั่นเทาให้ยื่นออกไปค่อยๆ แกะมือที่โอบนั้นออก

โอ้..คุณพระช่วย..! พ่อแก้วแม่แก้วจ๋า ช่วยลูกด้วยเถอะ...

มือของหล่อนที่ยื่นไปจะแกะมือนั้นออก มันจับไม่เจออะไรเลย....?

ทว่า..ความรู้สึกว่าโดนโอบกอดด้วยความรักยังแนบแน่น...

กรี๊ดด..


วีรนุชหวีดร้องออกมาสุดเสียง ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆที่หันมามอง วีรนุชทะลึ่งกายลุก

ขึ้นยืนอย่างแรง.และเร็ว.จนเก้าอี้ล้มลงไปด้านหลัง

โครม...

“วีรนุช..?”คุณครูนิยมร้องเรียกหล่อนเสียงดัง ด้วยความงุนงงกับอาการที่หล่อนแสดง

“หนูขออนุญาตไปห้องพยาบาลค่ะ” โดยไม่รอคำอนุญาติ วีรนุชวิ่งออกไปทันที

ห้องพยาบาล..

‘เมื่อกี้เราประสาทหลอนรึเปล่า? อา..! ใช่แล้วเงาคนที่กอดเราจากด้านหลัง ทำไมเหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมานาบไว้ที่หลังเลย’

มันคือ อะไรกันนะ


โปรดติดตามตอนต่อไป
เงาบุหงา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background