Translate

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

~*คำว่า “รัก *~




คำว่ารักใครคอยป้อนมาอ้อนจิต
แม้เพียงนิดสะกิดให้ใจเราเพ้อ
เพราะรู้ดีมีค่ามากกับเธอ
กว่าจะเผลอละเมอออกบอกสักคำ

เพราะว่าคำคำนี้เธอ “ที่รัก”
เฝ้าคอยถักสายใยไปบอกย้ำ
คำที่เราเคยเก็บไว้ในความจำ
พร้อมค่อยนำฝากใจใส่ทำนอง

เราจะเก็บเอาไว้ในส่วนลึก
เพื่อจะนึกถึงกันฝันเราสอง
ให้เรื่องราวก่อนเก่าเข้าครอบครอง
วันที่ปองคล้องแนบแอบชีวี

เฝ้าถนอมกล่อมใจใส่ความฝัน
ค่ำคืนวันจันทร์ลอยร้อยฝากพี่
ใจดวงน้อยคอยปั้นขวัญที่ดี
สร้อยวจีนี้หมายคลายอารมณ์

...เงาที่มี..หัวใจ...




ในดวงตาเธอเห็นฉันเป็นใคร
ไยดวงใจของเธอเพ้อแต่เขา
สายตาเธอแค่เห็นฉันเป็นเงา
ที่จะเย้าหยอกล่อเคล้าคลอกัน


อย่ามาดีกับฉันเดี๋ยวหวั่นไหว

อย่ามาแกล้งเอาใจให้ไหวสั่น
อย่าไต่ถามทุกข์สุขกันทุกวัน
อย่ามาผูกสัมพันธ์มันไม่ดี


แม้บางครั้งคิดไปไร้ตัวตน

แต่ฉันก็คือคนบนโลกนี่
มีหัวจิตหัวใจใช่ไม่มี
ความเจ็บช้ำยังล้นปรี่ที่ก้นทรวง


แม้รู้ว่าเธอไร้ซึ่งความรัก

ไม่มีวันร่วมถักสลักห้วง
ไม่มีฝันมาเคียงร้อยเรียงดวง
คงเป็นช่วงร้างลาจากหน้าไกล

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ลำนำเสนาะ...


แสนเสนาะนักหนาเพจหน้านี้ 
เพราะมีคำและวจีที่หวานล้ำ
คอยส่งรักมาให้ใจประจำ
จึงอยากอ้อนกลอนย้ำนำมาเคียง

เพราะคิดถึงจึงสานคำคอยตอบ
แบบที่เธอชื่นชอบมอบด้วยเสียง
ย้ำมาบอกทุกวันฉันรอเรียง
ลำนำรักร่วมเสี่ยงหวังเพียงคอย

เพราะคิดถึงตรึงใจคนในนี้
เพราะคิดถึงคนดีมีใจร้อย
เพราะคิดถึงจึงอ้อนกลอนล่องลอย
เพราะคิดถึงตรึงคอยร้อยสัมพันธ์

ยอม....(เธอล่ะ)



๐ เพราะฉันเองไม่ทำตามเธอคิด
จึงเหมือนมีแผลปิดชิดแนบข้าง
คล้ายมีมีดกรีดทาบระหว่างกลาง
เป็นรอยแผลขีดขวางอยู่อย่างนั้น

๐.เพราะฉันเองที่ทำให้เธอเปลี่ยน
ไม่แวะเวียนคอยถามความโศกศัลย์
ไม่ตามดูเหตุการณ์เนิ่นนานวัน
เรื่องเคยฝันจึงเลวร้ายคล้ายทุกปี

๐.ตัวของฉันทำได้เพียงให้เห็น
และก็เป็นเหมือนเดิมเริ่มที่นี่
แต่ก็คงไม่พอท้อจึงมี
เถิดใช่หนีลี้ห่างทางต้องการ

๐.ไม่อยากเห็นเธอหมองต้องร้องไห้
ไม่อยากเห็นว่าใครไหนมาหวาน
ไม่อยากให้มีทุกข์เข้ารุกราน
ใจอยากหว่านคารมถมทุกข์เธอ

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ใจเกินร้อย...



ตั้งความหวังเอาไว้ไกลสุดฟ้า
หนึ่งคนกล้าตามฝันวันสดใส
มีดวงใจเกินร้อยล่องลอยไป
ล่าความฝันที่หวังไว้ได้กลับมา

แม้ทุกข์ท้อบางหนยากทนไหว
จะคว้าไขว่ให้สมดังปรารถนา
ต้องตั้งใจมั่นคงลงเวลา
แม้ความล้าโรยแรงมาแบ่งไป

แต่วันนี้ตอนนี้ที่เป็นจริง
หวังเคยใฝ่ยากยิ่งเกินสิ่งไหน
ผู้มีน้ำใจงามอยู่ตามไพร
เพลงชาติยังดังกระหึ่มปลื้มทุกวัน

แม้ฟ้ากว้างใจยังเต้นเธอเห็นไหม
เหงื่อโทรมไหลแบกหวังถึงฝั่งฝัน
ดวงใจตั้งล้านดวงพ่วงสัมพันธ์
ผูกใจมั่นรอเกี่ยวเหนี่ยวภวังค์

๐๐๐วันนี้ก็ของฉัน๐๐๐





๐ ใยให้หยุดตะวันนั้นเพียงครู่
เธอก็รู้ไม่มีทางเป็นอย่างนั้น
จะเจ็บปวดรวดร้าวเศร้ากี่วัน
โศกสุขฝันทุกข์เยือนเลื่อนตามวัย

๐ เห็นเธอพ้อท้อแท้แพ้ชีวิต
สวรรค์หรือลิขิตคิดสงสัย
ไม่หรอกน่าเพื่อนเกลอเพ้อแล้วงัย
เก็บความนัยไว้บ้างห่างความตรม

๐ อยากเห็นเธอมีหวังยังรอพบ
เพื่อจะกลบรักท้อรอดินถม
เลิกคร่ำครวญชวนคิดจิตใจจม
ทุกข์ระทมขมปร่าท้าโรมรัน

๐ อย่าไปหยุดเลยนะตะวันส่อง
แสงนวลผ่องมากมีที่บนหวัน (หวัน= ท้องฟ้า )
ให้ความมืดร้างหายย้ายไปพลัน
ฝุ่นละอองกองนั้นมันจะตาย

๐ อยากเห็นเธอยืนสู้รู้อย่างห่าง
รักเลือนรางบางช่วงล่วงก็หาย
จะขุดหลุมคลุมกลบลบด้วยกาย
สิ่งทั้งหลายคล้ายก้อนมันซ่อนใจ

๐ นะคนดีคนเก่งเร่งฝึกฝน
เอาชนะตัวตนพ้นให้ได้
เถิด..! แค่นี้อย่าท้อสู้ต่อไป
ทางสดใสมีให้เดิน เมินทางตัน

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...แน่ใจ...



กลัวจริงจริงหรือพี่ที่น้องบอก
ว่าอย่าให้ใจหยอกบอกความหมาย
หากว่านั่นพี่กลัวจนทั่วกาย
น้องจะได้ไม่หายคลายจากนาน

มายืนฟังคำกล่าวพี่เล่าสู่
มาให้รู้ว่ารักเกินจักขาน
จะถนอมกล่อมเกลี้ยงเคียงชั่วกาล
ให้ดื่มด่ำซาบซ่านหวานถึงทรวง

งั้นต่อไปเราจะรักร่วมถักร้อย
คำนิดน้อยให้ผ่านม่านแดนสรวง
แล้วรอรับความรักน้องปักดวง
ไปทุกถิ่นสิ้นห่วงทุกช่วงตอนฯ

Pear ask-shorn




วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...รอพ่อกลับบ้าน...


๐เมื่อพ่อติดประชุม
คงหลายทุ่มดึกจะกลับ
ลูกน้อยนอนไม่หลับ
แม่ปรับอิงอกปลอบใจ

๐เมื่อตื่นลูกถามว่า
พ่อกลับมาแล้วใช่ไหม?
แม่แอบร่ำร้องไห้
ต้องแกว่งไกวลูกหลับฝัน

๐ลูกน้อยไร้เดียงสา
แม่ก็หาทางผลัดวัน
บอกว่า พ่อเจ้านั้น
รีบมุ่งมั่นปั่นเงินนา

๐สามีร้างหนีไกล
ห่างไปไม่ส่งข่าวหา
ครอบครัวไร้พึ่งพา
ไม่น่ามาปล่อยเดียวดาย

๐ปัญหาเหตุหย่าร้าง
อีกแยกทางก็มากหลาย
เมื่อรักจางก็กลาย
ลูกนั้นย้ายเป็นกำพร้า

๐เมื่อสังคมล้มเหลว
ให้ความเลวมันยื่นหา
ชีวิตแสนอ่อนล้า
กับปัญหามากนักเธอ

๐กลัวลูกนอนฝันร้าย
เหลียวแลหายก็ให้เก้อ
เมื่อหลับยังละเมอ
จะขอเจอพ่อที่รอ

๐ผวาคราดึกดื่น
ต้องข่มขื่นตื่นมาท้อ
กี่คืนค่ำแล้วหนอ
ลูกเฝ้ารอพ่อไม่มา

๐หรือแม่นั้นจนยาก
เพราะลำบากจากกรรมหนา
จึงพรากพี่ไคลคลา
ให้น้ำตาบ่าล้นทรวง

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...สลักรัก...







เพราะว่ารักคือรักสลักแล้ว
คอยถางทางเพริดแพร้วแนวลมหวน
เผื่อเราจากกันบ้างบางกระบวน
จะได้พาชี้ชวนทวนความจำ

แสนชื่นใจในคำนำมาหว่าน
กับช่วงปล่อยใจซ่านอย่างหวานล้ำ
มีคารมคมจริงเอ่ยอิงนำ
จนมอบใจถลำหลงคำไป

สุขใดอื่นไหนจะชื่นเท่าคำพี่
หวานเหลือดีที่ร้อยจับรับมาใกล้
ให้ดวงใจดวงน้อยแทนร้อยใย
สุขสดใสเพริศแพรวข้างแนวเรือน

...ปลอบ...



มาคอยรอปลอบใจพี่ไม่ห่าง

พร้อมแผ้วทางพรางฝันร้ายที่หมายโถม
ให้เลือนรางจางจากเคยจู่โจม
พี่เหมือนโคมไฟส่องล่องตามทาง

มีเพียงหนึ่งใจชิดสนิทแนบ
ใจน้องแอบร่วมกลั่นปั้นคำข้าง
เสมอมั่นแน่นอนไม่เคยจาง
ไม่อยากห่างแม้จนไกลสักนาที

Pear ask-shorn

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

~* จะคอย...*~






คราผิดหวังปลอบใจเอาไว้ว่า
ยังดีกว่าไร้รักสมัครสมาน
บทเรียนรักควรจำเป็นตำนาน
ที่วิญญาณซื้อมาราคาแพง

รักแสนทุกข์สุขก็รักประจักษ์จิต
รักที่ผิดหวังคละความระแหง
รักของใครเขาสมหวังยั้งระแวง
รักเคยเปล่งแสงเจิดจ้ามาท้าทาย

ไม่อยากช้ำหรอกใจใช่ดีเหลือ
เพราะไปเชื่อคำคนลวงช่วงเขาหมาย
หรือใครนั้นกลั่นแกล้งแช่งไม่วาย
น้องอาจเคยไปทำร้ายใจเขามา

จึงระทมตรมหมองครองดวงจิต
วาดชีวิตติดกับข้องไม่ต้องหา
ชาตินี้น้องมีกรรมนำเกี่ยวพา
ไม่มีหน้าไปคว้ามือใฝ่จอง

รูปที่เห็นก็เช่นนั้นทุกวัน
ไม่เคยฝันจะเจอเพ้อเกินคล้อง
ไม่ไล่ใจจนสูงเป็นยูงทอง
หวังเกี่ยวดองสองคนบนทางธรรม

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

*~..รอยวลี...ฝากลม.~*


รอยวลี



๏ หนาวน้ำค้างพร่างพรมห่มผืนโลก
ปกคลุมโศกเอาไว้ในห้อมเห่
สายหมอกหม่นยื้อยุดสุดคะเน
กระชากเทโศกแดแผ่ประจาน

๏ คำว่าเหลือรอยร้างลาที่ปร่าขม
เหมือนซ่อนคมกรีดเถือไม่เหลือหวาน
ใครกันหนอก่อร่างทางร้าวราน
ให้ห้วงกาลทิ้งร้างแล้วอ้างคอย

๏ สายลมแผ่วเคล้าหมอกระลอกหนาว
ดั่งคมกรีดรอยร้าวยิ่งเศร้าหงอย
กี่วันคืนที่ผันนับวันคอย
ไม่เคยปล่อยให้ล่วงบ่วงคำนึง

๏ ฝากดาวร้อยถ้อยวาจาหาคำตอบ
ผ่านวงขอบฟากฟ้าเพื่อมาถึง
กี่คำรักถักคำไหนไม่ตราตรึง
ล้วนล่วงเลยไม่เคยซึ้งบึ้งทรวงนาง

๏ เสียงหยดฝนบนใบในคืนค่ำ
ทุกข์คุมเขตเทวษย้ำด้วยคำอ้าง
ถ้อยคำตอบมีแต่ย้ำห้องอำพราง
ไร้เส้นทางเคยฝันสู่บั้นปลาย

๏ ใบถูกรดหยดซ้ำคงช้ำชอก
ไม่นานดอกคงลาถิ่นสิ้นสลาย
คำบ่ายเบี่ยงเลี่ยงลมอย่างคมคาย
ฝันคงพ่ายกลายขมด้วยลมลวง

๏ มาลีคงผลิสกาวแต่เช้าตรู่
เคล้าเพลินภู่ตัวใหม่เมื่อไกลช่วง
ทิ้งตัวเก่าเคล้าขื่นยืนข้อนทรวง
ไม่อาจหวงทวงรักให้ภักดี

๏ ท่ามดินแดนแสนห่างน้ำค้างหนาว
คงถึงคราวดับกมลอันป่นปี้
แม้เพียงเศษฝุ่นใจไม่เห็นมี
น้อยไมตรีมีบ้างไหมในห้องมาน

๏ รอยวลีที่กรีดขีดเป็นร่อง
แบ่งทางสองบั่นบากยากประสาน
คำตัดพ้อต่อพจน์หยดประจาน
มีแต่รานร้าวป่นเป็นผลตาม

๏ คงวาดหวังใช้ถ้อยแทนรอยมีด
เพื่อกดกรีดขีดขวางสิ้นทางข้าม
เจ้าถักทอมธุรพจน์แสนงดงาม
ถ้อยประณามหวานเหลือเพื่อรานใจ ๚ะ๛


ที่รัก...นิรนาม


♥...ปัญหา...กับชีวิต...♥




๐สุขแลทุกข์ ผูกพัน วันเวลา
มีผ่านมา ผ่านไป ใช่จะแน่
เหลือเพียงความ ทรงจำ ลำนำแล
ขอเราแค่ อย่าคิด จิตผูกพัน

๐ เถอะปล่อย ตัว ล่องลอย ค่อยครุ่นคิด
ลบอดีต ยึดติด ปิดสีสัน
เหมือนคนไร้ สติ อยู่วันวัน
ลืมอดีต กรีดฝัน ไล่มันไกล

๐ หยุดความคิด ติดทรวง ห้วงอดีต
หยุดลิขิต นอกรีด เขาขีดให้
หยุดความคิด ปิดกั้น ทิ้งมันไป
หยุดปล่อยใจ ตามห่วง หน่วงชีวา

๐ แล้วจะเห็น เย็นพลบ สงบสุข
แล้วความทุกข์ จะถูกล้าง สางปัญหา
แล้วสติ จะอยู่ คู่ปัญญา
แล้วชีวา จะร่าเริง บันเทิงเนา

๐ ภูเขาเตี้ย เรี่ยต่ำ ข้ามง่ายกว่า
ถ้าเขาสูง เสียดฟ้า น่าให้เศร้า
ภูเขาหิน ดวงจินต์แกร่ง คงแบ่งเบา
หากภูเขา สูงชัน นั่นน่ากลัว

...ที่รัก...


/ที่ตรงนี้นั้นมีแต่ความรัก
นับตั้งแต่ได้รู้จักทักคบหา
ที่ตรงนี้จะไม่เหงาเคล้าน้ำตา
รอเวลาเธอกับฉันนั้นพบเจอ

/เธอมาทำให้โลกงามกว่ายามนั้น
เธอมาเปลี่ยนแปลงฉันจนฝันเสมอ
เธอมาทำให้รักมากนัก..เออ
เธอมาทำฉันละเมอ..เผลอเอียงอาย

/ณ วันนี้เพิ่งเข้าใจในคำนั้น
คำที่ใครก็ฝันปั้นความหมาย
ความรักแท้จริงใจจากปากชาย
ทั้งคำมั่นมากมายบรรยายมา

...ฤดูกาล แห่งรัก...



ฤดูกาลที่แตกต่างจากวันเก่า
เปลี่ยนความเศร้าเป็นรอยยิ้มได้อีกครั้ง
นกโบยบินยังรู้จักกลับคืนรัง
เมื่อผิดหวังก็เก็บใจไว้ที่เดิม

ฤดูกาลผันเปลี่ยนได้หลายหน
ชีวิตคนก็ต้องสู้แต่งแต้มเสริม
ค่อยค่อยลืมค่อยค่อยเลือนเรื่องเดิมเดิม
เพราะอยากเริ่มวันใหม่อย่างงดงาม

เมื่อ...




*เมื่อรักเขาเขาไม่รักตอบ
ควรตีกรอบหัวใจอย่าใฝ่ฝัน
จะไม่หลอกตัวเองหรือใครกัน
ไม่ดึงดันให้เจ็บเหน็บหนาวใจ

*เมื่อรักใครเขามีเจ้าของ
มั่นตรึกตรองต้องดูว่าเหมาะไหม?
อย่าปล่อยให้อารมณ์พัดพาไป
จนไม่เหลือสิ่งใดให้ชื่นชม

*เมื่อรักเขา เขาไม่มาแล
อย่าเชือนแชเหงาเศร้าขื่นขม
อย่าทนทุกข์กับเยื่อใยใฝ่ตรอมตรม
มองโลกกลมเพียรสร้างมันให้ดี

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

๐๐๐อุ้มเงา๐๐๐



๐.เมื่อหมายไว้ในใจไยมาลบ
แล้วยังจบด้วยแรงแสงจันทร์เศร้า
หวังแต่งแต้มแก้มสะคราญอยู่นานเนา
ให้รุมเร้าเคล้าจินต์มิสิ้นคืน

๐.ถามตัวดาวคราวก่อนนอนเลยฝัน
เพราะมุ่งมั่นเต็มที่นี่หรือฝืน
อ้าว..!ใครไปลวงล่วงล้ำทำกล้ำกลืน
แม้แผ่นผืนทั่วหล้า..ฟ้าคู่ดิน

๐.จะไม่ทิ้งตะวันหันมาซุก
จะไม่ทิ้งคืนสุขให้จมดิ้น
มีวิมานเรือนน้อยหยดย้อยริน
แยกจากถิ่นกลิ่นเก่า..เฝ้าตรงนี้

๐.เมื่อพี่ถามน้องตอบมอบมาให้
เป็นดวงดาวสุกใสล้อมใจพี่
จะเป็นดาวเคล้าดินร่วมยินดี
ทั้งชีวีร่วมคล้องปองเพียงคน

๐.แล้วไฉนมาถามความอีกว่า
สุขเบื้องบนนั้นหนาคราหนึ่งหน
แล้วมีหรือจะทิ้งไปให้พ้น
พี่มันจนทนได้ไม่น่านาน..!

๐.ฟังพี่พูดอยากขูดด้วยใบข่อย
ถูเล็กน้อยให้หายร้ายคำขาน
เคยหรือที่น้องนั้นไม่ประมาณ
เมื่อวันวานผ่านมาพี่น่าชิน

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

~*ให้สิทธิ์คนคิดถึง*~


๐.อยากให้สิทธิ์คิดถึงสักหนึ่งเสี้ยว
หวานหน่อยเดียวเกี่ยวไว้ใกล้ฟากฟ้า
คำที่นำย้ำบอกนอกเวลา
หวานทุกครามาวอนอ้อนใส่เรา

๐.อยากให้สิทธิ์อิสระไปหาได้
อยากจะขอพักไว้ในคืนเหงา
ปล่อยให้รักลอยเคว้งดั่งเพลงเงา
แล้วคอยมั่นขัดเกลาเฝ้าขัดใจ

๐.อยากให้สิทธิ์อิสระในคราพบ
เพื่อรอสบตาหวานที่ซ่านไหว
แล้วเก็บเธอมาฝันวันถัดไป
ล้อมสายใยคอยเพ้อละเมอครวญ

๐.อยากให้สิทธิ์อิสระคราคิดถึง
ให้รักเราตราตรึงรำพึงหวน
ที่พร้อมแนบข้างใจไม่เรรวน
ให้รัญจวนเนิ่นนานจะผ่านคลาย

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...หลงทาง...



เดินทางรอบทิศ
ชีวิตกระจ่าง
บนความเคว้งคว้าง
หลงทางเวียนวน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว
เปลี่ยวเหงากมล
ร่ำรวยยากจน
ร้อนรนมากมาย

หลงทางชีวิต
ลิขิตจุดหมาย
ก้าวเท้าย่างกาย
แลหายหากเพลิน

...เพลงประชาชน...















บนแผ่นพื้นโลกหล้าฟ้ากว้างใหญ่
มีเรื่องเร้นเป็นนัยให้สืบสาน
สิ่งที่เห็นที่เหลือเพียงตำนาน
คอยเล่าขานยามพบมิจบเลย
จากชีวิตหนึ่งไปอีกชีวิต
พรหมลิขิตอิสระมาเปิดเผย
ธรรมชาติสวยสล้างเหมือนอย่างเคย
ยามเขนยเอ่ยคำย้ำเสรี
มีชีวิตทุกยามตามเรียนรู้
ให้ความหมายการคงอยู่สู้ทุกที่
ความรู้สึกนึกมลายหายไม่มี
จวบคุณค่าความดีไร้ที่คน
เกิดก่อการสายธารผ่านเส้นเสียง
ห้อยสำเนียงเคียงฟ้าคราสับสน
เมื่อย่างก้าวคราวคว้างทางวกวน
ความสุขล้นจนเปี่ยมเทียมน้ำใจ
ธรรมชาติสร้างทุกข์เคล้าสุขสันต์
บ้างแบ่งปันบทบรรเลงเพลงหวานไหว
ท่วงทำนองบทเพลงเปล่งเร้าใจ
ฉ่ำฤทัยความหมายมากมายครัน
ทั้งรังสรรค์ปั้นโลกโยกวิสัย
ผูกสายใยมิ่งมิตรร่วมคิดฝัน
ดุจธาราสานร้อยถ้อยสัมพันธ์
พร้อมน้ำใจฝ่าฟันฝันไปไกล
ดวงตะวันยามเช้าเฝ้าส่องแสง
พาเรี่ยวแรงพร้อมสู้อยู่ใกล้ใกล้
ไม่ให้สิ้นหมดหวังกำลังใจ
ทุกข์ร่วมปันฝันต่อไฟให้ผู้คน
ฝากส่งเพลงเพลงนี้มีมาให้
วางแนบข้างระหว่างใจไปทุกหน
เสียงคอยรักร้องหมู่คู่มวลชน
ที่ปวงชน ประชาชน ทุกคนคอย
ยามเพื่อนเหงาเศร้าสร้อยคอยปลอบขวัญ
หยิบยื่นวันสดใสใส่กับถ้อย
ร้อยด้วยกลอนคลอลมชมรุ้งรอย
ส่งความหงอยลอยร่วงสู่ห้วงธาร

...ข้าวคอยฝน...



/มองรวงข้าวแตกกอรอคอยฝน
คงไม่พ้นแห้งตายกลายเป็นหญ้า
ไร้ชีวิตชื่นสุขทุกข์รุมมา
เพลงชีวาน่าหน่ายหมายสิ่งใด

/ไม่มีหรอกความหนาวถ้าร้าวหม่น
แทบทุกหนทุกที่มีตรงไหน
จากบ้านเกิดเมืองฟ้าน่าหวั่นใจ
ความขาดไร้ครอบครองทุกห้องทรวง

/ออกจากบ้านเคยอยู่รู้ไม่ดี
พเนจรทุกที่มิเคยห่วง
ทั้งลูกเล็กเด็กแดงแล้งลมลวง
ไม่เคยถ่วงห่วงหาจนล้าเกิน

/มีสองแขนสองขาที่กล้าสู้
ก้าวเดินสู่ท้องร่องท่องโขดเขิน
ตะวันแดงแซงโค้งที่โล่งเนิน
เราเผชิญเพลินทางก้าวย่างมา

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

~*จอมขวัญ*~





๐.ลมโชยพัดผ่านเสียงเพลงแผ่ว
กังวานแว่วอ่อนไหวไร้รอยหวัง
จินตนาการม่านฝันไร้พลัง
ดั่งไฟชังสุมทรวงช่วงวันวาน

๐.นั่งทบทวนความคิดเคยผิดพลาด
ความหวังวาดเติมไว้ใครพาดผ่าน
มีความทุกข์รุมทับใจทรมาน
รอบรอบด้านม่านดำปิดดวงตา

๐ หลับเถิดนะเพื่อนเอย..เพื่อนคนดี
หนุนตักนี้แทนหมอนก่อนเถิดหนา
เป็นไออุ่นไว้แนบอกวันอำลา
กล่อมชีวาคราที่เหงาเศร้าฤดี

๐ ณ วันนี้เธอคนนั้นไร้สิ้นแสง
สายลมแรงโหมซัดดับรัศมี
เธอจากไปเพราะมีมารผลาญชีวี
คนใจผีคอยซ้ำย้ำมิวาย

๐ หลงรอยยิ้มคารมโอ้โลมนั้น
เชื่อในคำจำนรรจ์อันเรียบง่าย
แต่เล่นลิ้นแฝงเล่ห์เพทุบาย
คอยทำลายลับหลังทุกครั้งคราว

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

..ฝากใจ..




















/ มีความเงียบเหยียบย่างไม่ห่างหาย
แล้วความเศร้าเดียวดายก็มาเพิ่ม
อยากเรียกร้องร่ำไห้พาไฟเติม
ยากจะเริ่มเสริมอดีตที่กรีดตา

/ มีความทุกข์ซุกไว้ใจจึงเศร้า
เหมือนว่าเรายอมยินถวิลหา
ให้จำพรากจากแล้วแว่วลมพา
ไม่เห็นหน้าค่าตาแต่อาวรณ์

/ หรือจะจำใจห่างร้างสวาท
เฝ้ากลั่นถ้อยร้อยพาดวาดอักษร
ตอนรันทดทนยากเขาจากจร
ไม่มีแววอาทรย้อนมองดู

/ คงลืมกันวันก่อนตอนร่วมฝัน
ฝากสัมพันธ์มั่นคงหลงเหลืออยู่
ลืมสานต่อไมตรีที่รับรู้
ไม่มีคำนำมาคู่ฤดูกาล

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...แม้เราจะไม่พบกัน...




สุดขอบฟ้าแสนไกลในม่านเมฆ
เหมือนมนต์เสกดวงใจแม้นไกลหน้า
ความรัก ความผูกพัน มั่นศรัทธา
คือ สายใยห่วงหาพาอาทร

สายลมโบกโบยทุ่งหญ้าฟุ้งไหว
สายธารไหลเรื่อยรินผ่านดินอ่อน
เหมือนสายธารแห่งน้ำใจใฝ่อาวรณ์
รักรุ่มร้อนรุมเร้าเคล้าอาลัย

ขอจรดปลายปากกาจารจารึก
หยาดรอยหมึกเส้นสีพิสุทธิ์ใส
จารึกคำลายศิลป์สิ้นความนัย
ความอ่อนไหวก็โบกบินคืนถิ่นเดิม

รวมเป็นดินและลมน้ำกับไฟ
คือ ความรัก ความใส่ใจ ที่ได้เพิ่ม
รอยยิ้มนั้นตราตรึงคิดถึงเติม
เกลียวสัมพันธ์แรกเริ่มเสริมไม่คลาย...../



แพรอักษร
๐๓/๐๒/๕๖

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...สู้ต่อไป...



หยุดร้องไห้เถิดคนดีที่น่ารัก
เมื่อเหนื่อยนักก็พักกับตักนี่
เพราะน้องรู้พี่ทนหมองหม่นมี
เข้าใจดีว่างานหนักพักไม่พอ

อย่าไปคิดติดนึกรู้สึกมาก
เพราะความจริงหลายหลากยากสานต่อ
เอาชีวิตความจริงจังมาพะนอ
ยั้งอารมณ์ไหวท้อต่อตัวเอง

สายลมพัดเย็นฉ่ำลำธารไหล
ยังรี่เรื่อยรินไปใช่รีบเร่ง
เหมือนคนเราเดินดินไม่กริ่งเกรง
ถึงไม่เก่งแต่แกร่งแรงรายทาง

วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

...เพียงเธอ...



แสนระทมขมขื่นเขายื่นแขน
มาดแสนแมนเยือกเย็นพอเป็นหลัก
ให้ปลอดภัยในทุกอย่างบนทางรัก
พร้อมเคียงภักดิ์รักมิหน่ายคลายจางลง

มีไออุ่นกรุ่นร่ำพร่ำพรมพร่าง
อยู่ระหว่างใจกลางทางเผื่อหลง
จำขึ้นใจในรักสลักคง
เฝ้าบรรจงเรียงร้อยเป็นถ้อยคำ

เธอหยิบยื่นดวงใจใคร่ขอแอบ
มาชิดแนบยามทุกข์รุกกระหน่ำ
เสมือนมีผลบุญมาหนุนนำ
ทุกคืนค่ำดื่มด่ำนำอาทร

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดวงใจสิสับสน...


ดวงใจสิสับสน...

แสนเพลิดเพลินเหมือนเดินบนวิมาน
คำฉ่ำหวานเปรียบปานน้ำผึ้งไหว
เคยสดชื่นน้อมใจนำพร่ำเพ้อไป
รักซ่านซึ้งตรึงไว้ในกมล

เมื่อสายน้ำสายลมพร้อมพรมพร่าง
ทุกแหล่งทางสว่างใสไร้สับสน
ทั้งความมืดในแสงไม่แล้งจน
ทำให้ใจสุขล้นพ้นรอยช้ำ

สรรเอยเคยสรรสร้างทางเราเริ่ม
ทุกคืนค่ำคอยเติมเสริมรอยร่ำ
รักเจ้าเอยเผยร้องท่องประจำ
สุดดื่มด่ำมองสายน้ำท่ามสายลม

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

....เพราะหวั่นไหว....





๐ เพราะหวั่นไหวภายในความรู้สึก
ที่ล้ำลึกเกินใจไปคอยห้าม
ซ่านซึ้งทรวงแผ่วโหยโบยทุกยาม
ในท่ามกลางธารรักใจภักติ์ปอง

๐ เพราะหวั่นไหวในห้วงความสำนึก
ที่ตกผลึกอยู่ทั่วตามตัวห้อง
ทั้งหวีดหวิวปลิวลอยร้อยทำนอง
มาเกี่ยวใจรอคล้องจองแนบใน

๐ เพราะหวั่นไหวในห้วงบ่วงความคิด
สิงสถิตติดทรวงเกินถ่วงไหว
ไล่ค้นหาความจริงสิ่งอื่นใด
ฝากฝันใฝ่ในอยากมากจนเพลิน

๐ เพราะหวั่นไหวในวันฉันยังเยาว์
คอยรุมเร้าบนทางข้างโขดเขิน
ระทมทุกข์ย่างก้าวเท้าพาเดิน
ใจอยากเมินให้ไกลไม่อยากรอ

...สวัสดีดวงตะวัน...


เมื่อตะวันพุ่งฝูงนกวิหคร้อง
ประสานซ้องเซ็งแซ่แลไหวไหว
กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงไกว
เหมือนแตรรถหวีดไปทั่วในกรุง

สุรีย์ล่องส่องสาดพาดสีแสง
กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาฟุ้ง
หอมดอกไม้หลายพรรณสีสันปรุง
เป็นริ้วรุ้งพุ่งอาบซึ้งซาบทรวง

มีบุปผาสารพัดที่จัดกลีบ
ครั้งรุ่งรีบบานงามไม่ห้ามหวง
ให้ชื่นชุ่มภุมรินถิ่นไพรปวง
ได้เอิบอิ่มแดดวงทุกช่วงตอน

...ฉันรักคุณ...


ในค่ำคืนจันทร์นวลชวนให้คิด
รักสถิตชิดแนบแอบไม่ห่าง
ความพิเศษในดวงตาไร้ฝ้าฟาง
ปราศจากระยะทางระหว่างเรา


ฉันรับรู้เรื่องราวเข้ามาพิง
ชีวิตฉันมีทุกสิ่งอิงความเหงา
แต่พลังรักที่มีนั้นพอบรรเทา
ถึงบางเบาแต่เฝ้ามองอย่างสบาย


บางเวลาพาให้ใจเจ็บปวด
ความร้าวรวดยากคลายได้อย่างหมาย
หากว่ามีโอกาสมาทักทาย
ฉันจะขอเปลี่ยนและย้ายไม่เจอะเจอ


กับบางสิ่งที่ฉันนั้นอยากบอก
มีความช้ำเป็นระลอกหยอกเสมอ
แต่บัดนี้มีบางอย่างมากับเธอ
ฉันรับรู้อย่างละเมอ..เพ้อเป็นคุณ


รอยสัมผัสรัดรึงตรึงใจจำ
สุขเลิศล้ำระรวยรินหอมกลิ่นกรุ่น
วันแสนสุขเข้าใกล้ให้ละมุน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านบนลานกลอน

Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background