Translate

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

เงาใบไม้






โบกโบยบางเบาเงาใบไม้
พลิกพลิ้วปลิวไหวในเงาร่ม
ดุจดังผืนแพรแผ่พร่างพรม
สุขสมแมกไม้เป็นข่ายกรอง
.....
ชุ่มเย็นดื่มด่ำฉ่ำชื่น
รื่นรื่นไร้แสงตะวันส่อง
หอมกลิ่นไม้โชยโรยละออง
ประคองใจพบสงบเย็น
.....
งามเงาใบไม้คอยโบกพัด
คลายร้อนจรขจัดขัดเข็ญ
เข้าใจที่มีและที่เป็น
รู้เห็นเป็นไปในร่มธรรม






วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

คืนวันที่แสนหวาน




/ นั่งนึกถึงคืนวันอันก่อนเก่า
มีเพียงเราสองคนบนทางฝัน
ต่างไม่รู้เดียงสากับวัยวัน
เพียงซุกซนบนนั้นฝันเสรี

/แม้ยามนี้ไร้สิ่งใดกางกั้น
จะมาแยกเธอกับฉันสะบั้นหนี
ไม่มีทางสำเร็จได้สักที
ตราบเรามีกันและกันอย่างมั่นคง

/อยากไปอยู่ตรงนั้นกันอีกครั้ง
ที่ที่เราตั้งหวังดังเหมหงส์
เราร้อยรักปักใจใฝ่ยืนยง
ทุกสิ่งส่งผ่านมาเพราะฝ่าฟัน

/เธอนั้นคือทุกสิ่งที่พิงอก
ไม่สะทกสะท้านต้องการฉัน
ยามเอนกายหนุนตักสบพักตร์กัน
ดั่งสวรรค์เมืองแมนบนแดนดิน

/ฉันค้นพบดวงใจไร้เงาขุ่น
ความอบอุ่นซาบซ่านผ่านไม่สิ้น
ยามลมพัดโบยโบกโยกดวงจินต์
แม้ดับดิ้นมิสิ้นรักได้สักครา

นาฬิกาเรือนเก่า..


/นาฬิกาเรือนเก่าเราใส่ถ่าน
มันเนิ่นนานยังเดินอยู่หรือเปล่า
หรือบัดนี้ไม่มีแม้แต่เงา
ช่วงเวลาสองเราคงไร้แวว

/ไม่มีแล้วความรักเคยถักร้อย
มันหลุดลอยไปไหนเป็นแถวแถว
เฝ้ามองเข็มนาฬิกาพร่าขอบแนว
ไร้สิ้นเสียงอ่อนแผ่วตรงแถวนั้น

/คงผ่านไปจริงจริงทุกสิ่งหวัง
หมดสิ้นแล้วพลังเคยนั่งฝัน
นาฬิกาหยุดเดินเมินคืนวัน
ความคงมั่นหยุดลงไม่ตรงใจ

/เกิดขึ้นแล้วหรือนั่นที่ฉันหวั่น
ในห้วงลึกความฝันยังหวั่นไหว
ยังมีฝันมีหวังยังคอยใคร
ยังอยู่ไหมใจคนคอยจะร้อยดวง

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

เพียงแค่จูบ



/ ฉันนอนอยู่ตรงนี้มีเธอใกล้
มันคงยากฝืนใจไม่ห่วงหา
ความรู้สึกลึกซึ้งตรึงอุรา
ไม่อาจละสายตาใบหน้าเธอ

/เพราะไม่เคยเปิดใจให้ใครเข้า
มาวอนเว้าห้องหัวใจจนไผลเผลอ
จึงไม่อยากรีบร้อนก่อนจะเจอ
ค่อยค่อยปล่อยใจละเมอกอดเธอเคียง

/แค่ได้กอดได้จูบก่อนวูบห่าง
ริมฝีปากบางบางก่อนวางเสียง
ใต้แสงจันทร์โชติช่วงดาวร่วงเรียง
ก่อนจะเบี่ยงตัวจากใช่อยากลา

/คงเป็นเพียงวูบหนึ่งของอารมณ์
เราเพาะบ่มจนสุกเกินซุกหน้า
แต่ตอนนี้เธอคนนี้ที่รอมา
กับชีวิตที่เหนื่อยล้ามาจูบนอน

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

เพื่อคุณ...



/มองนัยน์ตาฉันหน่อยเถิดคนดี
ว่ามันมีความหมายใดบ้างไหม
ที่เธอเห็นเร้นลึกอยู่ข้างใน
จากก้นบึ้งดวงใจได้พบพาน

/รู้บ้างไหมใจฉันมันซุกซ่อน
ความห่วงหาอาทรอันอ่อนหวาน
เป็นอย่างนี้เป็นเช่นนี้เป็นมานาน
มันเบ่งบานอยู่ท่ามความสัมพันธ์

/จึงอยากขออะไรเธอสักครา
อย่าเห็นมันไร้ค่าเกินกว่าฝัน
ไม่มีค่าควรพบควรคบกัน
อย่าบอกฉันว่าไม่แคร์แม้เพียงนิด

/รู้ทั้งรู้ทุกอย่างที่วางให้
มันออกมาจากใจใคร่ลิขิต
มาจากคำหวานหวานผ่านชีวิต
พร้อมอุทิศเพื่อเธอเสมอมา

/ขอเธอลองมองดวงใจของฉันนี้
สิ่งใดมีให้รับรู้อยู่ตรงหน้า
อะไรหรือที่ซ่อนไว้ในอุรา
ลองรับฉันสักคราเผื่อจำเป็น

/ฉันคนนี้ยอมสละแล้วทุกสิ่ง
ช่วยไม่ได้จริงจริงยิ่งเธอเห็น
ไม่ต้องการหลบใครใช่ซ่อนเร้น
ถึงยากเย็นแต่ใจก็ต้องทำ

/ไม่มีแล้วรักใดไหนเทียมเทียบ
รักที่ให้มันเกินเปรียบเกินดื่มด่ำ
ไม่มีใครคนไหนให้จดจำ
คุณคนเดียวที่เฝ้าย้ำทุกค่ำวัน

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

เหงา...


/ เคยบ้างไหมเคว้งคว้างใจว่างเปล่า
เสมือนคนไร้เงาเฝ้าโหยหา
ปล่อยใจจรร่อนเร่กับเวลา
ปรารถนาเพียงเสาะค้นคนเข้าใจ

/เหงา..? คงเป็นเหงาเผากมลจนร้อนผ่าว
จึงทำฉันปวดร้าวเจ็บราวไข้
มันปวดเหน็บเจ็บลึกผนึกใน
โอ้..! ความเหงาเจ้าไยอยู่ใกล้นัก

/มันทุกข์ทนเกินอำพรางเกินย่างหนี
อยากจะหยุดมันสักทีเข้าหาญหัก
อีกนานไหมใจเหงาอันเศร้านัก
จะมีคนทายทักเก็บกักมัน

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม?...



/เธอเห็นไหมนั่นท้องฟ้า
ที่ฉันเก็บวันเวลาใส่มาให้
โปรดรับรู้ว่าจะเก็บอยู่เรื่อยไป
ไม่ไปไหนไกลเธอให้เผลอติง

/แม้ถนนสายนั้นมันจะยาว
จะโน้มทุกเรื่องราวน้าวทุกสิ่ง
เก็บเอาไว้ให้ฝันมันเป็นความจริง
ให้เธอได้พักพิงนิ่งนานเนา

/จะเป็นร่มไม่รื่นยื่นยามล้า
จะเป็นเมฆบนนภาคราเปลี่ยวเหงา
จะเป็นทะเลสีครามคลื่นบางเบา
จะเป็นรักสีขาวเฝ้าคอยเคียง

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ศรัทธา...



/ไม่มี..ตอนนี้ที่ใฝ่ฝัน
แต่อีกไม่กี่วันจะฟันฝ่า
ความเป็นจริงชีวิตสู้ทนมา
แต่ไม่นานหรอกหนาจะคว้าชัย

/มุ่งมั่น..ทุ่มเทเร่ตามทิศ
ตามหาเส้นชีวิตลิขิตใกล้
รางวัลมีให้เฉพาะคนตั้งใจ
ห่างแค่ไหน..เมื่อไม่มาจะคว้าเอง

/ขวากหนาม..ทิ่มแทงตามแห่งนั้น
ต้องเท่าทันผ่านพ้นคนข่มเหง
โลกนี้มีอะไรให้กลัวเกรง
หากใจไม่ยำเยงพร้อมทายท้า

/อยากจะถาม..?..ใจสู้ไหม?
หากต้องก้าวต่อไปอย่างผู้กล้า
โอกาสเดินตามฝันใจบัญชา
ศรัทธา...อย่าทดท้อต่อแรงเดิน

/ที่มา...ก็รู้ว่าไม่มีที่จะไป
ลึกอย่างไร?..ไกลแค่ไหน?ใช่ขัดเขิน
คนเราต้องก้าวไกลไปเผชิญ
เพราะบังเอิญเราเลือกเกิดไม่ได้

/หลายคน..เชื่อแต่โชคชะตา
ปล่อยเวลาผ่านไปไม่คว้าไขว่
แต่ชีวิตเรากำหนดกฎดังใจ
แพ้ ชนะ จะเท่าไหร่ก็ใจเรา

คิดถึงคนแปลกหน้า.


คิดถึงคนแปลกหน้า.

/ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เงาทะมึนเธอจึงวูบจูบใจฉัน
ในสำนึกคอยเตือนเพื่อนใหม่กัน
ระหว่างเธอกับฉันแค่ผ่านมา

/หรือมันคือความเหงาเข้าสะกิด
เธอยืนชิดชีวิตหวามตามประสา
ผูกสัมพันธ์งดงามตามเวลา
จนหัวใจเหนื่อยล้าเกินลืมเธอ

/อยากจะบอกว่าคิดถึงรำพึงผ่าน
ทั้งที่เจอะกันไม่นานพาลจิตเผลอ
อยากร้อยรักเรียงร่ำมาบำเรอ
ขอเจอะเจอเพียงนิดชิดขอบใจ

/หรือชีวิตที่มีนี้มันง่าย
สร้างแต่รักวุ่นวายกายสั่นไหว
รัตติกาลแสนสั้นฝันยาวไกล
แล้วความรักก็ลอยไปกับสายลม




แพรอักษร

วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

กิเลส...





/ เมื่อกิเลสตัณหาเข้ามาเผา
ให้ร้อนเร่าอึดอัดยากขัดขืน
ในโลกแห่งมายาทนฝ่ายืน
ทุกค่ำคืนโดนกล่อมใจมอมเมา

/ ไฟตัณหาพาเราเให้เมามัว
คอยเยาะยั่วเพลินพลั้งไม่ยั้งเขลา
เสมือนจริงอนิจจาคว้าเพียงเงา
ฝังแต่ความว่างเปล่าเคล้าแสงไฟ

/ กายถลำเข้าเขตอาเพศสาม
เพราะไหม้ลามเร็วรี่ยากหนีได้
มั่วตัณหาราคะไม่ละไกล
จนจวบวันเลื่อนไหลไร้พรางตา

/ ก็โลกนี้มีหมายหลายต้องการ
คอยประหารใจละลายวุ่นวายหา
มียาดียาแก้แต่ไหนมา
ยังจนใจรักษาครานึกครวญ

/ ปล่อยให้กาลเวลากลบหน้าหรือ
ให้กิเลสเร้ารื้อกระพือหวน
รอให้คร่าให้พรากจากโซ่ตรวน
คอยรุกเร้าเขย่าป่วนส่วนภายใน

/ คงใช่แปลกหรอกนี้ที่จะมอง
ใช่แปลกปลอมเมื่อจ้องจองใจใส่
ก็โลกเราเมื่อตัณหามาก่อนใค
กิเลสจึงได้ใจใฝ่ยั่วยวน.../

แพรอักษร
สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
ขอบคุณภาพสวยๆจากอินเตอร์เน๊ต

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

เมื่อรักร้าง...



/เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านไม่นานนั
ถูกคนรักบอกลาน่าใจหาย
เหมือนหมดสิ้นเสน่หาว้าวุ่นวาย
จึงทำสิ่งโหดร้ายไม่ใช่รัก

/คงเป็นกรรมของเราเข้ารุมล้อม
ทุกข์แห่ห้อมหน้าหลังตั้งประจักษ์
ปวดใจแสนสิ้นแรงแห่งความภักดิ์
ติดกับดักความเหงาเข้าจับจอ

/เขาเบือนหน้าลาหายมลายร่าง
ไร้วี่แววเลือนรางนั่งสอดส่อง
เดินจากไกลไม่นึกมาประคอง
ทำเราหมองอีกคราวร้าวสุดทรว

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

..จินตนา...

.

เคยยิ้มให้ดวงใจในความเหงา
เคยหัวเราะเบาเบาคราวโศกศัลย์
เคยโอบกอดตัวเองในเพลงจันทร์
เคยปลอบขวัญวันนั้นฉันคอยวอน

ขอเต้นรำไปกับความผิดหวัง
ขอดื่มฉลองความหลังครั้งหลอกหลอน
ขอกอดเกยความร้าวเมื่อคราวนอน
ขอให้ธรรมชาติสอนก่อนร่วงโรย

อย่าไปคิดลิขิตความยามใจเผลอ
อย่าไปว่าไปเสนอจนเธอโหย
อย่าชื่นชมห่มรักเขาทักโปรย
อย่าให้โดยไม่แลคอยแคร์กัน

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

~*จันทร์รำพึง*~


แสงจันทร์นวลผุดผ่องส่องเวหา
กับคืนที่ดาราเดือนลับหาย
บทกวีมีมาให้ไม่เคลื่อนคลาย
รู้ความหมายเมื่อจันทร์นั้นคร่ำครวญ

เมื่อฟ้ามืดเมฆบังอีกฝั่งฟาก
ไม้ใบหลากเผ่าพรรณสั่นตามสวน
หรือจะมีสายฝนหล่นมากวน
ฟ้าปั่นป่วนชวนหวั่นกลั้นอารมณ์

ลืมตามองแต่ใจใยครุ่นคิด
ไม่อยากพลาดไปชิดกลัวจิดขม
ขืนปล่อยไว้แบบนี้มีแต่ตรม
ร้าวระทมโถมซัดเกินจัดคำ

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

คิดถึง...


/นั่งมองคลื่นล้อลมชมชายหาด
ยามนี้ตัวฉันขาดคนวาดฝัน
เคยจับมือพาเดินเพลินบางวัน
แต่กาลก่อนเรามั่นปันสัญญา

/มาบัดนี้มีแต่คลื่นสะอื้นฝั่ง
แต่เรานั่งดายเดียวเปลี่ยวนักหนา
ทอดตามองจ้องไปไกลสุดตา
เส้นขอบฟ้ามีทะเลลมเห่ครวญ

/แม้บางครั้งไม่มีเธอให้เพ้อหา
มองคลื่นลมซัดพาคราลมหวน
เหมือนใจฉันมันท้อทุกข์ก่อกวน
จากใจชายที่เรรวนป่วนน้ำคำ

/เขาต้องการลาจากพรากสุดกู่
ได้แต่ดูปล่อยใจเต้นไม่เป็นส่ำ
หวังเพียงให้ไปดีมีสุขนำ
คือถ้อยคำย้ำเตือนเหมือนทุกวัน

/ไม่เป็นไรแม้กมลจะหม่นหมอง
น้ำตานองมากครั้งยามพลั้งฝัน
หากว่าเธอสุขใจไม่ว่ากัน
รักของฉัน คือการให้..ให้เพียงเธอ

/เพราะว่ารักจริงจริงสิงในอก
ใจสะทกจึงไหวหวั่นสั่นจนเผลอ
ปล่อยความทุกข์รุกเร้าเฝ้าละเมอ
จนบอบช้ำพร่ำเพ้อด้วยจำนน

~*สิ้นไฟฝัน*~




/เช้าวันนี้ฉันฝันถึงวันเก่า
ความปวดร้าวคราวก่อนย้อนอีกหน
เจ็บเจียนตายคล้ายคมมีดกรีดกายตน
ใจสับสนหม่นเศร้ารุมเร้าทรวง

/กับอดีตรางเลือนเหมือนความฝัน
เคยอาทรต่อกันเฝ้าหวงห่วง
มาบัดนี้ไม่เหลือแล้วแก้วกลางทรวง
ความหึงหวงสิ้นไร้ในแววตา

/เวลาผ่านนานนมเหมือนหล่มปลัก
ทั้งคนรักเพื่อนรักพรากหายหน้า
ทุกทุกสิ่งเลือนลับกับเวลา
เหมือนกรรมซัดผลัดหน้ามาเอาคืน

๐๐๐..โลกนี้เป็นของ..เธอ..๐๐๐







/หากใจเธอเศร้าสลดรันทดท้อ
อย่ารีรอทรมานนานจนหนัก
หากว่าเธอหมองหม่นเกินทนนัก
ขออย่าร้างทางรักทายทักกัน

/หากชีวิตอึดอัดเกิดขัดสน
ที่ตรงนี้มีคนพาค้นฝัน
บนดินแดนเสรีมีแบ่งปัน
พาดวงใจฝ่าฟันวันแสนไกล

/ปล่อยชีวิตแสนเศร้าเจอหนาวบ้าง
พบดีเลวข้างทางสางให้ได้
ตามแต่จิตของเราจะน้าวไป
เพื่อชีวิตสดใสไร้เหงาตรม

/อย่างน้อยน้อยชีวิตเธอนั้นยังอยู่
ให้ฉันรู้เรื่องราวคราวขื่นขม
ที่พบเจอบนทางร้างระบม
ความเปลี่ยวเปล่าคลี่ปมสมรอคอย

/อย่าไปคิดว่าชีวิตไร้จุดหมาย
มีเรื่องเล่าอีกมากมายแสนเศร้าสร้อย
มีเจ็บปวดร้าวใจไหวเลื่อนลอย
อย่าเฝ้าร้อยถ้อยรำพึงดึงออกมา

วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

*~อย่าประมาทในวันเวลา~*




...ขณะหนึ่ง กาลหนึ่ง อย่าพึงละ
พลาดขณะ หลีกทาง ไปห่างเหิน
กอปอกิจ ที่มีมา กล้าเผชิญ
อย่ามัวเพลิน ล่วงละ ขณะไป

...ขณะหนึ่ง กาลหนึ่ง มาถึงแล้ว
แม้คลาดแคล้ว พ้นผ่าน กาลสมัย
ธุรกิจ ที่เห็น เป็นกำไร
ก็เสียไป ทันที ไม่มีคืน

...กาลนี้ มิได้รอ เราหนอหนา
อย่ามัวมา มึนเมา เลยเราเอ๋ย
หลงนิยม ชมทุกข์ ว่าสุขเสบย
ไม่ช้าเลย จะต้องลา โลกคลาไคลฯ

สาธุธรรมฯ
สวัสดียามค่ำคืนค่ะทุกๆท่าน

ไม่เคยคิด




๐ ก็อยากคืนเหมือนกันแต่มันเจ็บ
ใจร้าวเหน็บเกินทนเพื่อค้นหา
เคยหว่านถ้อยรินร่ำย้ำสัญญา
เดี๋ยวนี้หน้าก็ไม่มองจ้องเหมือนเดิม

๐ ใจไม่เคยแม้สักนิดคิดแปรผัน
ยังยึดมั่นแต่เธอไม่เห่อเหิม
คำสัญญามีในใจเพืยงไว้เติม
ตั้งแต่เริ่มคบกันฝันยังมี

๐ แต่วันนี้กับความฝันเธอนั้นลืม
ความด่ำดื่มก็เลือนเคลื่อนหน่ายหนี
ไม่เคยมาเทคแคร์แลสักที
จวบตอนนี้? นี่หรือรักจากใจจริง

...รัก...




เพราะว่าคำคำนี้เธอ “ที่รัก”
เฝ้าคอยถักสายใยไปบอกย้ำ
คำที่เราเคยเก็บไว้ในความจำ
พร้อมค่อยนำฝากใจใส่ทำนอง

เราจะเก็บเอาไว้ในส่วนลึก
เพื่อจะนึกถึงกันฝันเราสอง
ให้เรื่องราวก่อนเก่าเข้าครอบครอง
วันที่ปองคล้องแนบแอบชีวี

เฝ้าถนอมกล่อมใจใส่ความฝัน
ค่ำคืนวันจันทร์ลอยร้อยฝากพี่
ใจดวงน้อยคอยปั้นขวัญที่ดี
สร้อยวจีนี้หมายคลายอารมณ์

ขอให้รักเรามั่นวันที่รอ
จะไม่ท้อแพ้ทางวางใจถม
กว่าจะมีเราสองคล้องภิรมณ์
สุขเสพสมตรมหวังนี้ตั้งนาน

ไม่เคยลืมหรอกคำย้ำว่า “รัก “
ยิ่งสลักสำคัญหมั่นคอยสาน
กว่าจะชอบ กว่าจะรัก กว่าจะผ่าน
มาโรยหว่านสร้อยกานท์หวานสุดใจ..”ไว้เพียงเธอ ”.../ฯ

คำสำคัญ....สำหรับคนสำคัญ...แม้เป็นเพียงแค่ความฝัน...แต่..ขอรักเธอจากใจจริง...
Pear ask shorn.. 27/12/55

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2556

~*ส่วนเกิน*~



/เราคงไม่พบกันจากวันนี้
ทุกอย่างที่งดงามตามเงาฝัน
ไม่มีแล้วดอกไม้ในแจกัน
เราจบมันเหมือนอย่างทางเดินมา

/คงไม่มีเธอเคียงเหลือเพียงฉัน
กับบางสิ่งแปรผันไม่หันหา
หยุดแล้วใจเพ้อพร่ำทุกเวลา
ตามง้องอนจนล้าแล้วหนาใจ

/ยอมทุกอย่างหวังครองคู่อยู่ร่วมหมอน
คงยากย้อนเหมือนเก่าเฝ้าหวั่นไหว
ทั้งเจียมตัวเจียมตนอยู่ร่ำไป
ปรารถนาแค่ใกล้คนไกลนั้น

/ส่งทุกคำถามไถ่ให้ค่ำเช้า
แต่ไร้เงาคนดีที่ใฝ่ฝัน
ขอเพียงแค่เศษเวลามาแบ่งปัน
ให้กับฉันไม่ได้หรือไรเธอ

สายลมร้อน ตอนสงกรานต์



/ สายลมร้อนพัดผ่านสงกรานต์เอ๋ย
อิจฉาเอยอิจฉาคนมาคู่
ภาพหนุ่มสาวสราญรื่นพลันชื่นชู
ชวนมองดูภาพสะท้อนปีก่อนมา

/ เหนือ อีสาน ออก ใต้ทั่วไทยผอง
เป็นพี่น้องร่วมชาติศาสนา
วัฒนธรรมยืนหยัดด้วยศรัทธา
รวมประชาน่าสนเท่ห์ประเพณี.

สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะทุกๆท่าน

สงกรานต์..ฉ่ำชื่น


/ ย่างสิบสามเมษาย้อนมาถึง
เราต่างจึงพร้อมพรักสมัครสมาน
รำลึกถึงพ่อแม่แต่เนิ่นนาน
จึงกล่าวขานว่าเป็นวัน”กตัญญู”

/ หากลูกทำกรรมอันใดในสิ่งผิด
บาปจากจิตกายวาจาน่าอดสู
ขอขมาคราถึงวัน”กตัญญู”
พร้อมเชิดชูบุพการีผู้มีคุณ.../

มีความสุขกันนะคะทุกๆท่าน
๑๓/๐๔/๕๖

วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

~*แม่สาย*~


/ตะวันย่ำสนธยาฟ้าสีหม่น
เวหาหนสกุณาแจ้กจ้าเสียง
กลับคืนรังเก่าก่อนค่อยร่อนเรียง
ชายป่าเพียงแห่งเดียวเที่ยวพักพิง

/แล้วน้องสาวชาวไร่ไยไม่กลับ
หรือลาลับทุ่งกว้างวางทุกสิ่ง
ยามนี้พี่แสนเหงาขาดเจ้าอิง
ลมหนาวพัดสุดจะนิ่งคอยผิงไฟ

/สายลมแรงแกว่งไกวเรือนไหวโยก
ใจเศร้าโศกก็เกินต้านสะท้านไหว
มีผู้เฒ่าตายายคล้ายคอยใคร
เป็นไฉนดวงตาจึงล้าแรง

/นั่งลงถามความเป็นมาคราร้องทัก
แสนยากจนกันนักคนมักแกล้ง
จำต้องขายลูกสาวกินสิ้นเรี่ยวแรง
ถูกพ่อแม่จับแต่งตัวเข้ากรุง

/เมื่อลูกไกลในทรวงกลับห่วงหา
จากท้องนาทิ้งกลิ่นควายหมายเงินหนุน
กตัญญูพ่อแม่แต่ชีพพรุน
ไร้การุณทุนส่งเข้าดงยา

/เดินเคว้งคว้างกลางสังคมขื่นขมนัก
โดนเขามัดติดหลักคอยตากหน้า
ผ่านมือชายหลายคนจนด้านชา
ทั้งเสพยามั่วกามท่ามโลกีย์

/ทุกคำตอบคือบอบช้ำกระหน่ำอก
เขาผลักตกห้วงเหวเลวบัดสี
จนไม่คิดหวนคืนฟื้นชีวี
ปรารถนาเพียงยามีที่มึนเมา

*~สุดไขว่คว้า~*



/เสียงหวีดหวิวปลิวไหวใต้ขอบโลก
ลมไหวโยกสายธารผ่านผืนป่า
เสียงนกร้องว่ายเวิ้งเริงนภา
สุดไขว่คว้าเอามาเคียงเพียงอาวรณ์

/เมฆลอยล่องบนท้องฟ้าสุดมือจับ
สุริยามาลาลับกับสิงขร
มีจันทราลอยเคลื่อนเป็นเพื่อนนอน
หมู่ภมรละบุปผาด้วยอาลัย

/ลมพัดพาฟ้าฉ่ำชรอ่ำฝน
รสสุคนธ์อบอวลชวนหวั่นไหว
อัสนีคร่ำครวญป่วนฤทัย
เฝ้ารอวันฟัาสดใสด้วยใจรอน

แพรอักษร.

ชะตากรรม..




/ ในยามนี้มีฉันอีกหนึ่งคน
เดินบนทางวกวนอันหม่นหมาง
ยิ่งก้าวไปยิ่งไกลออกนอกเส้นทาง
ครั้นหยุดยืนเหมือนยิ่งร้างทางชีวิต

/ มีความคิดดั่งคนล้นเลื่อนลอย
ความฟั่นเฟือนเหงาหงอยคอยตามติด
จากอดีตปัจจุบันนั้นมาชิด
ตามสถิตโรมรันวันแสนร้าย

/ ให้หวาดหวั่นสั่นไหวในสำนึก
มีทางรักตามตรึกรำลึกหมาย
แต่หลักชัยไม่เห็นเร้นรูปกาย
ความมุ่งหวังห่างหายไร้พลัง

/ เพียงก้าวย่างย่ำบนซากที่หลากลาน
เหมือนเดินบนวิมานเพื่อสานหวัง
กลบความรักแรงถวิลให้ภินท์พัง
ล่มสลายก่อนถึงฝั่งรั้งชะตา

** คืนแสงจันทร์นวล **




/ในยามดึกมีจันทร์ให้ฝันหวาน
เผลอซาบซ่านซึ้งจิตให้คิดถึง
แสงจันทร์นวลชวนรักเร้าเฝ้ารำพึง
คิดเด็ดดึงแสงจันทรามาอาบนอน

/ต้องขอบคุณละมุนจันทร์อันอุ่นฟ้า
กล่อมเพลารัตติกาลอันหวานอ่อน
อารมณ์ฝันฟูฟ่องล่องวิงวอน
ขอกอดเธอแนบหมอนทุกค่อนคืน

/ถึงจะใกล้หรือไกลไม่แปลกเปลี่ยน
โลกหมุนเวียนเพียงใดไม่เป็นอื่น
ทั้งภูเขาทั้งพิภพถูกกลบกลืน
ความรักชื่นยังตระหง่านบนลานใจ

/จะขอรักเพียงเธอเสมอมั่น
แม้นกาลเปลี่ยนเวียนผันมิหวั่นไหว
ทอสายรุ้งโค้งเรียวเกี่ยวสายใย
แม้นทางไกลใจตรงส่งถึงกัน

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

ขออนุญาต..คิดถึง..




๐คิดถึงเธอคิดถึงมากอยากร้องไห้
เพราะดวงใจไร้สิทธิ์ให้คิดถึง
ได้แต่ครวญหวนไห้ในคำนึง
อยู่กับความลึกซึ้งตรึงอารมณ์

๐เฝ้าก่ายกอดพรอดพร่ำลำนำหวาน
เคยผ่านการดื่มกลืนทั้งชื่นขม
ดอกไม้บานเคยเก็บเหน็บไว้ดม
คอยถนอมกล่อมห่มอาบพรมใจ

๐จึงส่งยิ้มพิมพ์ใส่ให้เสมอ
ทั้งส่งเพลงยามเธอเผลอหวั่นไหว
เฝ้ามองดูทุกยามตามเรื่อยไป
ส่งความอุ่นละไมใจถึงกัน

๐แล้วส่งความคิดถึงตรึงขอบฟ้า
ยามเมื่อเธอเงยหน้าสบตานั่น
กำลังใจส่งต่อขอสัมพันธ์
ฟากฝั่งฝันรุ้งปั้นพันร้อยคำ

/ขอเถิดสิทธิ์ที่คิดอยากชิดบ้าง
จินตนามาวางอย่างดื่มด่ำ
คิดถึงคนของใจใคร่ตอกย้ำ
บอกนกน้อยร้องร่ำลำนำกานท์

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556

คนเก็บฟืน



/.มองแผ่นฟ้าเบื้องบนหม่นเวิ้งว้าง
มองพื้นล่างเคียงขนำธารน้ำใส
ลืมตาตื่นก็คว้ากาหนึ่งใบ
ก่อกองฟืนรุมไฟใต้ชายคา

/.อยู่ที่นี่มานาน..นานหลายปี
จนวันนี้ผ่านวันเก่าเฝ้าฟันฝ่า
มีวันใหม่มาเยือนเป็นเพื่อนยา
ลมหายใจแห่งเวลาพาอุ่นทรวง

/.ก็ไม่เคยคิดไกลหมายเป็นอื่น
ทางชีวิตยากจะฝืนความหนักหน่วง
ขอแค่เราพบกันใช่ฝันลวง
ฉันก็พร้อมยอมมีห่วงพวงกายา

/.เราสัญญาว่าจะก้าวไปพร้อมกัน
ไปเก็บฟืนเก็บมันตามประสา
หากต้มน้ำยามเดือดก็อย่าช้า
แบ่งปันมาดื่มกินจนสิ้นฟืน

สักวัน ทุกอย่างจะผ่านไป




หากวันนี้เหนื่อยล้าไม่กล้ารุด
ไฟชีวิตยากจะจุดจนติดได้
เกินกำลังหยัดยืนฝืนก้าวไป
เพราะเหตุใดเรื่องราวจึงเฝ้าจอง

เพียงหนึ่งคำ พร่ำออกมา บอกว่ารัก
ก็ทึกทัก ปักใจ ใฝ่สนอง
เมื่อเธอทิ้ง กันไป ไม่แลมอง
น้ำตานอง ร่ำไห้ เหมือนพ่ายแพ้

เพียงหนึ่งคำ เธอย้ำ ทำฉันเจ็บ
ราวจิกเล็บ เจ็บเนื้อ เหลือจะแก้
ฉันถูกเธอ เหยียบย่ำ ช้ำดวงแด
แต่จะฟื้นคืนแน่แน่แท้คอยดู

ฉันลุกขึ้นก้าวย่างบนทางเปลี่ยว
ถึงโดดเดี่ยวก็ยังพร้อมยอมต่อสู้
จะไม่ขอพ่ายพับให้รับรู้
จะยืนอยู่สู้โลกโชคชะตา

วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ครูบนดอย...






/ เสียงเพลงร่ำบรรเลงวังเวงจิต
ขับทำนองชีวิตผ่านยอดหญ้า
แว่วหวีดหวิวลอยลมพรมพัดพา
จากพนาเชิงเขาเข้าดงดอย

/.ในม่านหมอกฟ้าหนาวเหนือราวทุ่ง
หิ่งห้อยมุ่งบินฝ่ามิล้าถอย
เพียรส่องแสงริบหรี่ที่เลื่อนลอย
ปลอบเด็กน้อยให้คลายหนาวด้วยดาวทอง

/.หากมีแสงเรืองรองที่ท้องฟ้า
พาดนภาในคืนเหงาเฝ้าสาดส่อง
ส่งเมตตามาใกล้ใกล้ให้ใจจอง
คงสมปองฟื้นชะตาไม่ปราชัย

/.มีม่านหมอกสีขาวอยู่พราวพร่าง
หุบเขาหว่างทางเถินเนินไศล
ผ้าผวยผืนเก่าขาดอนาถใจ
ผ่านดอยดงพงไพรไทยช่วยปัน

จันทร์...





/.ในคืนแรมวับแวมจันทร์แซมฟ้า
ไร้แสงจ้าส่องทางกระจ่างสรวง
เห็นจันทร์เสี้ยวหรุบแสงแล้งใยยวง
ร้าวในทรวงสุดเหงาเศร้านักใจ

/.หรือจันทร์แรมรอนแรมแย้มแผ่นฟ้า
รอคืนขับห้วงนภากล้าสุกใส
ปล่อยเรียวจันทร์ผันเคียวเกี่ยวฟ้าไกล
จนนวลใยแห่งรักต้องหนักนาน

/.จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าลอยคอยใครอยู่
จันทร์เคยมารับรู้หรือกู่ขาน
ว่าฉันนั้นรอรักมาถักกานท์
สองตาคอยสบประสานยามผ่านมา

/.ฉันมองเธอเด่นคว้างอยู่กลางหาว
ถามนิดเถิดจันทร์เจ้าตอบฉันหนา
ว่ามีไหมสักครั้งที่เหนื่อยมา
จนต้องนั่งหลั่งน้ำตาครารักไกล

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

จะลืมกันจริงล่ะ หรือ?


/เราคงไม่พบกันจากวันนี้
ทุกอย่างที่งดงามตามเงาฝัน
ไม่มีแล้วดอกไม้ในแจกัน
เราจบมันเหมือนอย่างทางเดินมา

/คงไม่มีเธอเคียงเหลือเพียงฉัน
กับบางสิ่งแปรผันไม่หันหา
หยุดแล้วใจเพ้อพร่ำทุกเวลา
ตามง้องอนจนล้าแล้วหนาใจ

/ยอมทุกอย่างหวังครองคู่อยู่ร่วมหมอน
คงยากย้อนเหมือนเก่าเฝ้าหวั่นไหว
ทั้งเจียมตัวเจียมตนอยู่ร่ำไป
ปรารถนาแค่ใกล้คนไกลนั้น

~*ผู้เฒ่า*~


พระอาจารย์บุญอุ้ม ท่านได้ดูแลแม่ของท่านจนนาทีสุดท้าย ท่านเคยบอกว่าบุตรไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดอาชีพใด ควรกตัญญูดูแลพ่อแม่ในยามแก่ชรา นี่ละครับความกตุญญูที่ยิ่งใหญ่





~*ผู้เฒ่า*~

/ตั้งแต่เกิดลืมตามาดูโลก
เป็นทารกจนเติบใหญ่วัยแก่กล้า
เป็นแค่คนเดินดินธรรมดา
ที่หากินจนหนังหน้าตาเริ่มโรย

/พเนจรหากินถิ่นโก้หรู
จนฟันฟางเป็นร่องรูเหมือนผู้โหย
ตกระกำลำบากยากโอดโอย
ทั้งตามัวกลิ่นกายโชยลมโบยมา

/มีริ้วรอยความทุกข์ที่ซุกแอบ
ความลำเค็ญยังแนบเจียนแทบบ้า
ขอดเส้นเอ็นปูดโปนตามกายา
เป็นสัญญาณวัยชราให้รับรู้

/มานั่งนึกนอนคิดจิตตระหนก
ยามตัวแก่คล้ายทารกกันทุกผู้
ผู้เฒ่าหรือคือคนเคยเลี้ยงดู
ให้เรานั้นมีความรู้สู้แต่น้อย

/เคยอดออมเพื่อเราเฝ้าถนอม
ริ้นไม่ไต่ไรไม่ตอมไม่ยอมถอย
ให้อ่านเขียนเรียนเล่าเฝ้ารอคอย
กว่าลูกน้อยจะเป็นผู้รู้วิชา

/เป็นเจ้าคนนายคนบนทางทอง
ตามครรลองชีวันที่ฝันหา
มีชีวิตสมฝันมีปัญญา
ไม่ร่อนเร่เหว่ว้ากล้าพากเพียร
Elegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In BackgroundElegant Rose - Working In Background